เอเจนซีส์/รอยเตอร์ - อดีตรักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงโรม โจ ซอง กิล (Jo Song Gil) ที่หายตัวไปพร้อมภรรยาเมื่อพฤศจิกายน ปี 2018 และไม่พบความเคลื่อนไหวหลังจากนั้น ล่าสุด โซล ยืนยันว่า เขาได้แปรพักตร์เข้าร่วมกับเกาหลีใต้แล้ว
CNN สื่อสหรัฐฯรายงานวันนี้ (8 ต.ค.) ว่า โจ ซอง กิล (Jo Song Gil) อดีตรักษาการเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงโรมพร้อมภรรยาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังเดินทางออกจากสถานทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงโรม อิตาลี เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2018
ซึ่งในการแถลงของกระทรวงต่างประเทศอิตาลีในเวลานั้น ระบุว่า คนทั้งคู่ได้หายตัวไปหลังเดินทางออกนอกสถานทูตเมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2018 และอีก 4 วันหลังจากนั้น บุตรสาวของคนทั้งคู่เดินทางกลับเกาหลีเหนือ โดยเด็กหญิงวัยรุ่นถูกประกบโดยเจ้าหน้าที่หญิงของสถานทูตเกาหลีเหนือ หลังจากได้รับการร้องขอให้เด็กกลับไปอยู่ร่วมกับคุณปู่และคุณย่าของเธอ
และเป็นเวลาเกือบ 2 ปี ที่ไม่มีการทราบหลักแหล่งของทั้งตัวเขาและภรรยา แต่ทว่าในสัปดาห์นี้นักการเมืองเกาหลีใต้ แต คุง ( Tae-keung) ได้เปิดเผยกับสาธารณะยืนยันการรายงานที่ว่า โจได้เข้าแปรพักตร์กับเกาหลีใต้ตั้งแต่ปี 2019
“มีการร้องขอออกมาเป็นจำนวนมากสำหรับข้อมูล ดังนั้น แล้วนี่คือการยืนยันว่า อดีตเอกอัครราชทูต โจ ซอง กิล เดินทางเข้าเกาหลีใต้เมื่อกรกฎาคมปีที่แล้ว และในเวลานี้อยู่ภายใต้การคุ้มกันของรัฐบาลเกาหลีใต้” เขาแถลงผ่านทางเฟซบุ๊กในวันอังคาร (6)
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า โจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของเปียงยางล่าสุดที่หันมาแปรพักตรกับเกาหลีใต้นับตั้งแต่ แท ยอง-โฮ (Thae Yong-Ho) อดีตผู้ช่วยเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำกรุงลอนดอนได้หนีมาที่เกาหลีใต้ในปี 2016
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (7) ว่า ข่าวโจและภรรยาหันมาเข้าร่วมกับรัฐบาลโซล สร้างความวิตกกับสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้และเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้วันพุธ (7) ต่อบุตรสาวที่อยู่ในช่วงวัยรุ่นของคนทั้งคู่
แท ปัจจุบันสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ซึ่งเคยทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำอังกฤษ และได้แปรพักตร์เข้ากับเกาหลีใต้ในปี 2016 ก่อนที่จะผันตัวมาเป็นนักการเมืองกล่าวว่า
“นักการทูต (เกาหลีเหนือ) ที่แปรพักตร์อาศัยอยู่จะถูกประเมินเป็นระดับการลงโทษที่ให้ต่อครอบครัวของบุคคลนั้นที่ยังอยู่ในเกาหลีเหนือ” และเสริมต่อว่า “หากว่าเขาขอการลี้ภัยในเกาหลีใต้ เขาจะถูกชี้ว่าเป็นพวกทรยศ เป็นคนที่ละทิ้งความเชื่อ...และไม่มีใครรู้ถึงบทลงโทษต่อครอบครัวของผู้ทรยศ”
ขณะที่โช แท-ยอง (Cho Tae-yong) นักการเมืองฝ่ายค้านเกาหลีใต้ และอดีตผู้ช่วยที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติได้กล่าวหารัฐบาลเกาหลีใต้ของประธานาธิบดี มุน แท-อิน ของการรั่วไหลข้อมูลถึงแม้ว่าตัวโจจะไม่ต้องการให้การเข้าแปรพักตร์ของเขาเป็นที่รับรู้ต่อสาธารณะเนื่องมาจากเหตุผลด้านความปลอดภัยของลูกสาว
โชกล่าวในการประชุมรัฐสภา ว่า “มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรู้หากว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและรัฐบาลที่ยืนยันข่าว ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ไม่คำนึงถึงมนุษยธรรมที่อาจจะส่งผลต่อตัวบุตรสาว (ของเขา)”
ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ คัง คยอง-ฮวา (Kang Kyung-wha) แถลงในการประชุมรัฐสภาว่า เธอรู้สึก “ประหลาดใจ” ที่เห็นข่าวและยังแสดงความเห็นร่วมกับสมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้คนอื่นๆ ถึงความวิตกในความปลอดภัยบุตรสาวของโจ รอยเตอร์รายงาน