กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นคำร้องต่อศาลสูงสุดวานนี้ (6 ต.ค.) ให้พิพากษาประหารชีวิต โซการ์ ซาร์เนฟ (Dzhokhar Tsarnaev) ฐานวางระเบิดงานวิ่งบอสตันมาราธอนเมื่อปี 2013 จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย และบาดเจ็บอีกกว่า 260 คน
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ให้เหตุผลว่า ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาละเว้นโทษประหารชีวิตอย่างไม่เหมาะสม “ในคดีก่อการร้ายที่สำคัญที่สุดคดีหนึ่งในประวัติศาสตร์ของชาติ”
เมื่อเดือน ก.ค. ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ได้พิพากษาลดโทษประหารชีวิตซาร์เนฟ โดยระบุว่าผู้พิพากษาศาลชั้นต้นไม่ได้ทำการคัดกรองคณะลูกขุนให้ปราศจากความลำเอียง หลังจากที่คดีนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก
ทางกระทรวงอ้างว่าคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ถือเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของศาลแขวงในการบริหารจัดการคณะลูกขุน และหากจะยืนตามคำพิพากษาดังกล่าวก็ควรต้องรื้อคดีใหม่ทั้งหมด
“เหยื่อควรจะมีโอกาสให้การต่อศาลอีกครั้ง เพื่ออธิบายว่าสิ่งที่จำเลยกระทำได้สร้างความเจ็บปวดและหวาดกลัวแก่พวกเขามากเพียงใด” คำร้องของกระทรวงยุติธรรมระบุ
เดวิด แพตตัน ทนายของซาร์เนฟ ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำร้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
เหยื่อในเหตุระเบิดบอสตันมาราธอนยังมีความเห็นไม่ตรงกันว่ามือระเบิดควรจะถูกลงโทษถึงขั้นโทษประหารชีวิตหรือไม่ ขณะที่ แพตตัน ก็เคยเสนอให้อัยการ “จบ” คดีนี้ด้วยการขอให้ศาลลงโทษจำคุกตลอดชีวิต
โซการ์ ซาร์เนฟ วัย 27 ปี และ ทาเมอร์ลัน ซาร์เนฟ พี่ชายของเขา ได้สร้างความหวาดผวาครั้งใหญ่ในเมืองบอสตันหลังจากที่พวกเขากดระเบิดหม้อความดัน 2 ลูกที่ซุกซ่อนในเป้ใกล้ๆ กับจุดเส้นชัยของงานบอสตันมาราธอนเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ปี 2013 และในช่วงหลายวันถัดมาที่พวกเขาพยายามหนีการจับกุมก็ได้สังหารตำรวจไปอีก 1 นาย ก่อนที่ ทาเมอร์ลัน จะถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ
คณะลูกขุนตัดสินเมื่อปี 2015 ว่า โซการ์ ซาร์เนฟ มีความผิดจริงใน 30 ข้อหา และสมควรถูกลงโทษประหารชีวิตจากการที่ระเบิดลูกหนึ่งคร่าชีวิต มาร์ติน ริชาร์ด วัย 8 ขวบ และ ลู่ หลิงซี นักศึกษาแลกเปลี่ยนชาวจีนวัย 23 ปี
ที่มา: รอยเตอร์