อินโดนีเซียรายงานยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 4,168 รายในรอบ 24 ชั่วโมงวันนี้ (19 ก.ย.) ซึ่งเป็นสถิติรายวันสูงสุดตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ขณะที่ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ออกมายืนยันกฎเหล็กต้องเว้นระยะห่าง 1 เมตรในระบบขนส่งมวลชนเพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
แดนอิเหนามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคนมานานเกือบ 3 เดือนเต็ม โดยยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดทำให้จำนวนผู้ป่วยสะสมขยับขึ้นไปอยู่ที่ 240,687 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตในรอบ 24 ชั่วเพิ่มขึ้นอีก 112 ราย รวมเป็น 9,448 ราย ครองสถิติสูงสุดในกลุ่มประเทศอาเซียน
ในส่วนของฟิลิปปินส์ กระทรวงสาธารณสุขแถลงยืนยันยอดผู้ป่วยใหม่ 3,962 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 100 ราย ซึ่งล้วนแต่เป็นสถิติสูงสุดในรอบ 5 วัน
จำนวนผู้ป่วยสะสมในแดนตากาล็อกเวลานี้อยู่ที่ 283,460 ราย สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน แต่ยังมีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพียงแค่ 4,930 ราย น้อยกว่าอินโดนีเซียประมาณครึ่งหนึ่ง
ประธานาธิบดี ดูเตอร์เต ยืนยันให้คงมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างน้อย 1 เมตรในระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อ หลังจากที่มีผู้เสนอให้ผ่อนปรนเหลือเพียง 30 เซนติเมตรหรือ 1 ฟุต
แฮร์รี โรก โฆษกของดูเตอร์เต ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ PTV4 ว่า ประธานาธิบดีได้ศึกษาคำแนะนำต่างๆ และตัดสินใจให้คงกฎเว้นระยะห่าง 1 เมตรต่อไป รวมถึงการห้ามรับประทานอาหารหรือพูดคุยกันในระบบขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ผู้โดยสารยังต้องสวมเฟซชิลด์และหน้ากากอนามัยตลอดเวลาด้วย
ก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมฟิลิปปินส์ได้ประกาศลดระยะห่างทางสังคมในระบบขนส่งมวลชนเหลือเพียง 75 ซม. เมื่อวันจันทร์ (14) และจะทยอยลดลงเหลือ 50 ซม. ในวันที่ 28 ก.ย. และ 30 ซม. ในวันที่ 12 ต.ค. เพื่อรองรับจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นหลังจากที่มีการเปิดเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ดี ล่าสุดทางกระทรวงยืนยันว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของประธานาธิบดี
องค์การอนามัยโลก (WHO) แนะนำให้ผู้คนเว้นระยะห่างจากกันอย่างน้อย 1 เมตรเพื่อป้องกันการแพร่ไวรัส
ระบบขนส่งในกรุงมะนิลานั้นขึ้นชื่อว่าแออัดอย่างยิ่ง และผู้โดยสารมักต้องรอคิวยาวหรือเปลี่ยนรถหลายต่อ
ฟิลิปปินส์ต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่เดือน มี.ค. ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขออกมาเตือนแล้วว่า การลดช่องว่างระหว่างผู้โดยสารบนรถไฟ รถประจำทาง หรือรถสองแถว ‘จี๊ปนีย์’ เร็วเกินไป จะยิ่งทำให้การระบาดระลอกแรกยืดเยื้อออกไปอีก
ที่มา: รอยเตอร์
