เอเจนซีส์ - ผู้นำสหภาพยุโรป (อียู) ลงมติเห็นชอบแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (21 ก.ค.) หลังผ่านการเจรจาถกเถียงอย่างเผ็ดร้อนนานเกือบ 5 วันเต็ม
ชาร์ลส์ มิเชล ประธานคณะมนตรียุโรป โพสต์คำว่า “Deal” ลงในเพจทวิตเตอร์ของเขา หลังจากที่ผู้นำอียู 27 ประเทศบรรลุข้อตกลงกันระหว่างการประชุมแบบเต็มคณะที่กรุงบรัสเซลส์ เมื่อเวลา 5.15 น. ตามเวลาท้องถิ่น
“ข้อตกลงนี้คือสัญญาณอันแน่วแน่ว่ายุโรปยังเป็นขุมพลังแห่งการลงมือทำ” มิเชล ระบุในงานแถลงข่าวเมื่อตอนรุ่งสาง “มันไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับคนทำงานและครอบครัว หน้าที่การงาน สุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา ผมเชื่อว่าข้อตกลงฉบับนี้จะเป็นห้วงเวลาที่สำคัญในการเดินทางของยุโรป และเป็นแรงขับเคลื่อนเราไปสู่อนาคต”
มิเชล เปรียบเปรยประชุมซัมมิตครั้งนี้ว่าเป็นเสมือน “การวิ่งมาราธอนที่สุดท้ายแล้วรัฐสมาชิกทั้ง 27 ประเทศล้วนแต่เป็นผู้ชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประชาชนของเรา”
ประธานาธิบดีเอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศสยกย่องข้อตกลงนี้ว่าเป็น “ข้อตกลงประวัติศาสตร์อย่างแท้จริง” และเชื่อว่าแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจและงบประมาณที่วางไว้จะเพียงพอตอบสนองความท้าทายจากโรคระบาดโควิด-19
มิเชล ได้เสนอแนวทางประนีประนอมโดยกำหนดให้วงเงินกองทุนทั้งหมด 750,000 ล้านยูโรนั้นแบ่งออกเป็นเงินอุดหนุนให้เปล่า 390,000 ล้านยูโร ลดลงจาก 500 ล้านยูโรที่ฝรั่งเศสและเยอรมนีเคยเสนอไว้ ส่วนที่เหลืออีก 360,000 ล้านยูโรจะอยู่ในรูปของเงินกู้
กลุ่มชาติยุโรปถือว่าประสบความสำเร็จในการรับมือโควิด-19 ได้ดีกว่าสหรัฐฯ โดยมีความร่วมมือทั้งในด้านการแพทย์, การเดินทาง และมาตรการทางเศรษฐกิจ หลังจากที่เคยซวนเซในช่วง 2-3 เดือนแรกดังจะเห็นได้จากจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งสูงอย่างรวดเร็วทั้งในอิตาลีและสเปน
การประชุมซัมมิตครั้งนี้มีเดิมพันสูงมาก เนื่องจากยุโรปกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดในยุคหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และการเจรจาที่ล้มเหลวอาจบั่นทอนความแข็งแกร่งของอียูซึ่งยังต้องรับมือผลกระทบจากการที่อังกฤษขอถอนตัว (เบร็กซิต) รวมถึงปัญหาผู้อพยพ
บรรยากาศการหารือเมื่อค่ำวันอาทิตย์ (19) เป็นไปอย่างตึงเครียด เนื่องจากกลุ่มประเทศซึ่งมีความตระหนี่ถี่เหนียว (frugals) แถบยุโรปเหนือที่นำโดยเนเธอร์แลนด์ยืนกรานไม่สนับสนุนเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าที่มากเกินไป กระทั่งเช้าวันจันทร์ (20) ผู้นำฝรั่งเศสซึ่งหมดความอดทนถึงขั้นใช้กำปั้นทุบโต๊ะแสดงความไม่พอใจต่อ “การขัดขวางที่ไร้ประโยชน์” จากกลุ่มชาติเหล่านี้
นายกรัฐมนตรีมาแตอุช มอราวีแยตสกี แห่งโปแลนด์วิจารณ์พวกรัฐตระหนี่ว่าเป็น “กลุ่มประเทศขี้เหนียวที่ยกตนข่มท่าน” และมองสิ่งต่างๆ โดยคำนึงถึงประโยชน์ของตนแต่ฝ่ายเดียว
ทั้งนี้ โปแลนด์เป็นหนึ่งในชาติที่ได้รับประโยชน์สูงสุดจากแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยจะได้ทั้งวงเงินให้เปล่าและเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำหลายหมื่นล้านยูโร เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีหนี้สินสูงและเผชิญโรคระบาดหนักที่สุดในยุโรป
ผู้นำอียูยังให้ความเห็นชอบต่อร่างงบประมาณร่วมในช่วงปี 2021-2027 ซึ่งเมื่อร่วมกับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจแล้วจะมีวงเงินรวมกันอยู่ที่ 1.8 ล้านล้านยูโร