เอเจนซีส์ - แคนาดาออกมาตำหนิสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) สำหรับแนวคิดที่จะให้ส่งทหารไปเฝ้าตามแนวชายแดนแคนาดา ที่ไร้การป้องกัน เพื่อรับมือการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยทางผู้นำแคนาดาบอกว่าแนวคิดนั้นไม่จำเป็น และมีแต่จะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองชาติ
การแสดงความเห็นที่แข็งกร้าวในครั้งนี้ ถือเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะที่ผ่านมา แคนาดาสานสัมพันธ์กับคณะบริหารของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา เป็นอย่างดี เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสองชาติก็เพิ่งเห็นพ้องกันเรื่องปิดพรมแดนสำหรับการเดินทางที่ไม่สำคัญ เพื่อยับยั้งการระบาดของไวรัส
อย่างไรก็ตาม “วอลล์สตรีท เจอร์นัล” ได้รายงานในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี (26 มี.ค.) ว่า ทางวอชิงตันได้เลิกพิจารณาแผนดังกล่าวแล้ว โดยอ้างว่าได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์เผยนาม
คริสเทีย ฟรีแลนด์ รองนายกรัฐมนตรีแคนาดา ได้ทำให้เรื่องนี้กระจ่างชัดด้วยการบอกว่า รัฐบาลไม่มีเวลาให้กับแผนส่งทหารหลายร้อยคนไปเฝ้าตามชายแดนเพื่อยกระดับการรักษาความปลอดบริเวณชายแดน
“แคนาดาคัดค้านข้อเสนอของสหรัฐฯ ในเรื่องนี้ เราต่อต้านเรื่องนี้อย่างชัดเจนมากๆ นี่ไม่ใช่ขั้นตอนที่จำเป็นเลย เรามองว่ามันจะสร้างความเสียหายต่อความสัมพันธ์ของเรา” ฟรีแลนด์ ระบุในการแถลงข่าว
ที่ทำเนียบขาว ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะยังไม่ให้รายละเอียดถึงความเป็นไปได้ในเรื่องส่งทหารไปเฝ้าชายแดนแคนาดา บอกเพียงว่ากำลังดูเรื่องนี้อยู่
ผู้นำสหรัฐฯ บอกว่า มันอาจจะเป็นความยุติธรรมที่เท่าเทียมกัน เพราะอเมริกามีการส่งทหารไปอยู่แถวชายแดนเม็กซิโกแล้ว
ทั้งนี้ บริเวณชายแดนแคนาดา-สหรัฐฯ นั้น มีความยาวมากถึง 8,891 กิโลเมตร และเป็นหนึ่งในจุดผ่านแดนที่เกี่ยวข้องในด้านการค้าขนาดใหญ่ของโลก
สหรัฐอเมริกาในตอนนี้มีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขที่สูงกว่า 82,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 1,200 ราย
ขณะที่ แคนาดา ซึ่งมีประช่ากรอยู่บริเวณพรมแดนทางตอนใต้ราว 1 ใน 9 ของประชากรทั้งหมด ก็มีรายงานผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 4,043 ราย และมีผู้เสียชีวิต 39 ราย