เอเจนซีส์ - รัฐบาลออสเตรเลียมีคำสั่งด่วนวันนี้ (20 มี.ค.) ให้ผู้โดยสาร 2,700 คน ที่เดินทางมาพร้อมกับเรือสำราญลำหนึ่งกักกันตนเอง และรีบติดต่อหน่วยงานภาครัฐ หลังพบว่าผู้โดยสารและลูกเรืออย่างน้อย 4 คน มีผลตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก
ทางการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ยอมรับว่า ได้อนุญาตให้เรือสำราญ รูบี ปรินเซส (Ruby Princess) ซึ่งเดินทางมาจากนิวซีแลนด์ เข้าจอดเทียบท่าที่นครซิดนีย์ เนื่องจากประเมินว่า “มีความเสี่ยงต่ำ” และได้ปล่อยผู้โดยสารทั้งหมดลงจากเรือเข้าไปในย่านใจกลางของมหานคร ซึ่งมีประชากรหนาแน่นที่สุดของออสเตรเลียเมื่อวานนี้ (19)
ต่อมาภายหลังมีผลตรวจยืนยันว่า ผู้โดยสาร 3 คน และลูกเรืออีก 1 คน ติดเชื้อโควิด-19
เรือลำนี้ออกเดินทางนิวซีแลนด์มุ่งหน้ามายังนครซิดนีย์ ซึ่งระหว่างนั้นคนบนเรือ 13 คน เกิดอาการป่วยคล้ายไข้หวัด ก่อนที่แพทย์บนเรือจะทำการตรวจซ้ำ และผลเพิ่งจะออกมาวันนี้ (20) ว่า มีอยู่ 3 ราย ที่ติดไวรัสโคโรนา
ทั้งนี้ ผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ หรือเคยสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโควิด-19 ได้รับคำแนะนำให้กักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน เพื่อรอดูอาการ แต่เจ้าหน้าที่เกรงว่าผู้โดยสารเรือ รูบี ปรินเซส บางคนอาจจะยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเรือลำนี้มีผู้ติดเชื้อ
“สิ่งที่เรากังวลมากที่สุด ก็คือ ผู้โดยสารที่ลงจากเรือสำราญไม่ทราบเลยว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่บนเรือ” แบรด ฮัซซาร์ด รัฐมนตรีสาธารณสุขแห่งรัฐนิวเซาท์เวลส์ แถลง “แม้จะยังยืนยันไม่ได้ แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้โดยสารคนอื่นๆ อาจติดไวรัส”
ฮัซซาร์ด ระบุว่า ผู้โดยสารได้แจ้งอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ไว้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังพยายามหาทางติดต่อพวกเขาอยู่
ขณะนี้เรือสำราญ รูบี ปรินเซส ได้ล่องออกไปไกลนอกชายฝั่งซิดนีย์ พร้อมกับลูกเรือราว 1,100 คน รวมถึง 1 คน ที่มีผลตรวจยืนยันว่าติดเชื้อไวรัส
เคร์รี แชนต์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ ระบุว่า หนึ่งในผู้โดยสารที่ติดเชื้อมีอาการรุนแรง และกำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลในนครซิดนีย์
บริษัท ปรินเซส ครูสส์ ซึ่งเป็นผู้บริหารเรือสำราญ ยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ
