รอยเตอร์ - ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย เผยแบบจำลองสถานการณ์ซึ่งบ่งชี้ว่า อาจจะมี ‘คนไร้บ้าน’ ในรัฐแห่งนี้ติดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากกว่า 60,000 คนในอีก 8 สัปดาห์ข้างหน้า ซึ่งจะเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ต่อระบบสาธารณสุขของรัฐ
แกรี นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุวานนี้ (18 มี.ค.) ว่า อัตราการเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลของผู้ติดเชื้อไวรัสในแคลิฟอร์เนียยังอยู่ที่ราวๆ 20% บ่งบอกถึงความจำเป็นที่จะต้องเสริมเตียงเพื่อรองรับจำนวนผู้ป่วยที่อาจถึงขั้นล้นโรงพยาบาล หากคาดการณ์ดังกล่าวเป็นจริง
“เรามีแบบจำลองสถานการณ์ซึ่งระบุว่า ภายใน 8 สัปดาห์ข้างหน้าหากอัตราการแพร่กระจายของเชื้อ (attack rate) อยู่ที่ 56% นั่นหมายถึงคนกว่า 60,000 คน ที่จะติดเชื้อไวรัส จากบรรดาคนไร้บ้านราว 108,000 คน ในแคลิฟอร์เนีย” นิวซัม โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก
“นั่นคือสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับประชาชน แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือความท้าทายต่อระบบสาธารณสุข และความสามารถของเราในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย โดยที่ไม่ทำให้คนอื่นๆ ติดเชื้อหรือเผชิญความเสี่ยงไปด้วย”
แคลิฟอร์เนียเป็นรัฐใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ไวรัสแพร่ระบาดหนักสุด โดยจากฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์เมื่อ 15.00 น.วันนี้ (19) ตามเวลาในไทยพบว่ามีผู้ป่วยที่ได้รับการยืนยันในรัฐแห่งนี้สูงถึง 870 ราย
ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนียออกคำสั่งบริหารให้จัดสรรงบประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯไปยังเมืองและเทศมณฑลต่างๆ เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อคนไร้บ้าน และยังจัดหารถเทรลเลอร์ราว 1,300 คัน เพื่อให้คนกลุ่มนี้ใช้เป็นที่พักชั่วคราว
นิวซัม ยังอนุมัติงบประมาณอีก 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อเปลี่ยนโรงแรมบางแห่งเป็นสถานที่กักกันโรคคนไร้บ้านที่ติดเชื้อไวรัส นอกจากนี้ ยังไปเจรจากับรัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อขอให้กองทัพเรือส่งเรือพยาบาล ‘เดอะ เมอร์ซี’ มาทอดสมอที่นอกชายฝั่งแคลิฟอร์เนียเพื่อรองรับผู้ป่วย รวมถึงสร้างโรงพยาบาลสนามขึ้นในรัฐแห่งนี้
อีริค การ์เซตติ นายกเทศมนตรีลอสแองเจลิส ยืนยันว่า ทางเมืองกำลังหาวิธีระบุตัวตนคนไร้บ้านที่เสี่ยงติดเชื้อไวรัสมากที่สุด เช่น ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว
