xs
xsm
sm
md
lg

แดนโสมผวา!! ‘โบสถ์คริสต์’ ใกล้โซลกลายเป็นแหล่งแพร่ไวรัส-ติดเชื้อ 46 ราย หลังไม่ยอมงดกิจกรรม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอเจนซีส์ - โบสถ์คริสต์ใกล้กรุงโซล กลายเป็นแหล่งแพร่ไวรัสโคโรนาแห่งใหม่ในเกาหลีใต้ โดยพบผู้ติดเชื้อแล้วไม่ต่ำกว่า 46 ราย วันนี้ (16 มี.ค.) หลังไม่ยอมงดทำกิจกรรมทางศาสนาตามที่ภาครัฐเรียกร้อง

โบสถ์ชุมชนริเวอร์ออฟเกรซ (River of Grace Community Church) ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซองนัม (Seongnam) ทางตอนใต้ของกรุงโซล ตัดสินใจปิดทำการชั่วคราวแล้วเมื่อวานนี้ (15 มี.ค.) หลังพบว่าสมาชิกโบสถ์ราว 1 ใน 3 จากทั้งหมด 135 คน มีผลตรวจไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นบวก

โบสถ์แห่งนี้ยังคงประกอบพิธีสวดมนต์ตามปกติเรื่อยมา ทั้งที่รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้ทุกภาคส่วนงดจัดกิจกรรมที่ต้องรวมคนหมู่มาก รวมถึงกิจกรรมทางศาสนา เพื่อสกัดการแพร่กระจายของไวรัสซึ่งมีผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 8,200 คนทั่วประเทศ

ทางการเมืองซองนัมยืนยันมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เชื่อมโยงกับโบสถ์ริเวอร์ออฟเกรซเพิ่มขึ้นอีก 40 ราย จากเดิมที่พบเพียง 6 ราย

ก่อนหน้านี้ โบสถ์คริสต์ชินชอนจี (Shincheonji Church of Jesus) ในเมืองแทกู (Deagu) ก็เป็นจุดแพร่กระจายไวรัสโคโรนาจนทำให้สถานการณ์การระบาดในเกาหลีใต้เลวร้ายลงอย่างรวดเร็วตั้งแต่เดือน ก.พ.

ผู้ติดเชื้อกว่าครึ่งในเกาหลีใต้มีส่วนเชื่อมโยงกับโบสถ์แห่งนี้ ซึ่งเริ่มต้นมาจากสมาชิกหญิงรายหนึ่งที่ไปร่วมพิธีสวดมนต์ในโบสถ์ถึง 4 ครั้ง ก่อนที่แพทย์จะยืนยันว่าเธอติดเชื้อ

เกาหลีใต้เป็นประเทศแรกของโลกที่พบผู้ป่วยโควิด-19 มากที่สุดรองจากจีนแผ่นดินใหญ่ และจนถึงวันนี้ก็ยังคงมีผู้ติดเชื้อสะสมติดอันดับต้นๆ แม้จะถูกแซงหน้าโดย ‘อิตาลี’ และ ‘อิหร่าน’ แล้วก็ตาม

รัฐบาลเกาหลีใต้ขยายช่วงวันหยุดสำหรับโรงเรียนอนุบาลและสถานศึกษาทั่วประเทศเพิ่มอีก 3 สัปดาห์ ขณะที่กิจกรรมเพื่อความบันเทิง เช่น คอนเสิร์ต K-pop และการแข่งขันกีฬาต่างๆ ถูกยกเลิกทั้งหมดในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ ตั้งแต่ต้นเดือน มี.ค. โดยล่าสุด ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคเกาหลีใต้ (KCDC) ประกาศพบผู้ติดเชื้อใหม่เพียง 74 ราย ในวันนี้ (16) นับเป็นวันที่ 2 ต่อเนื่องที่สถิติต่ำกว่า 100 คน ส่วนตัวเลขผู้เสียชีวิตคงอยู่ที่ 75 ราย เท่าวันก่อนหน้า

โบสถ์ริเวอร์ออฟเกรซ (River of Grace Community Church) ในเมืองซองนัม ทางใต้ของกรุงโซล (Photo : Yonhap)
กำลังโหลดความคิดเห็น