เอเอฟพี/รอยเตอร์ - องค์การอนามัยโลกในวันพุธ (11 มี.ค.) ประกาศให้ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) เป็นโรคระบาดใหญ่ของโลก (pandemic) อย่างเป็นทางการ หลังจากมันลุกลามไปทั่วโลก
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก แถลงกับผู้สื่อข่าวในเจนีวา เมื่อวันพุธ (11 มี.ค.) “เรารู้สึกกังวลอย่างยิ่งต่อทั้งระดับการแพร่ระบาดและระดับความรุนแรง และกังวลต่อระดับความเฉื่อยชา เพราะฉะนั้นเราจึงประเมินว่าโควิด-19 สามารถเป็นถูกจัดในฐานะการระบาดใหญ่”
โคโรนาไวรัส สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งโผล่ขึ้นครั้งแรกในจีนในเดือนธันวาคม จากนั้นได้แผ่ลามไปทั่วโลก ทำอุตสากรรมต่างๆ หยุดชะงัก, ธุรกิจการบินแน่นิ่ง, ปิดการเรียนการสอน รวมถึงยกเลิกกิจกรรมกีฬาต่างๆ และคอนเสิร์ต ขณะเดียวกัน แม้แต่ศึกโอลิมปิกเกมส์ กีฬาแห่งมวลมนษยชาติในกรุงโตเกียวก็ตกอยู่ในความไม่แน่นอน
ตามความหมายขององค์การอนามัยโลกคำว่า ระบาดใหญ่ (pandemic) คือ การระบาดที่มีขอบเขตในทางภูมิศาสตร์อย่างกว้างขวางซึ่งก่อผลกระทบกับผู้คนจำนวนมาก
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เรียกร้องประชาคมนานาชาติ เพิ่มความพยายามเป็น 2 เท่า เพื่อควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมระบุมาตรการต่างๆ เชิงรุกจะยังคงมีบทบาทสำคัญในการยับยั้งโรคระบาดใหญ่นี้
เมื่อวันที่ 30 มกราคม ประกาศให้การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ เข้าองค์ประกอบของสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ แม้ตอนนั้นมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 นอกจีนไม่ถึง 100 คน และมีเคสติดเชื้อจากคนสู่คนแค่ 8 เคสเท่านั้น
เวลานี้พบผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 118,000 คนใน 114 ประเทศ ในนั้นเสียชีวิต 4,291 ราย ซึ่ง เทดรอส คาดหมายว่า ตัวเลขดังกล่าวจะพุ่งสูงขึ้นอีก ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันจุดล่อแหลมได้หันเหไปยังอิตาลี ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 10,149 คน เสียชีวิต 631 ราย และอิหร่าน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อ 9,000 คน และเสียชีวิต 354 คน
ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก คาดหมายว่า จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต จะเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันและไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า “เราไม่เคยพบเห็นการระบาดใหญ่ที่มีต้นตอจากไวรัสโคโรนามาก่อน”
ที่ผ่านมา องค์การอนามัยไม่เคยจัดให้โรคใดๆ เป็นการระบาดใหญ่ ยกเว้นแต่ไข้หวัดใหญ่
ช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ องค์การอนามัยโลกยกระดับการเตือนภัยความเสี่ยงของโลกต่อการแพร่ระบาดของโควิด-19 สู่ระดับ “สูงมาก” ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลกส่งสัญญาณมานานหลายสัปดาห์แล้วว่าอาจใช้คำว่า “การระบาดใหญ่” เป็นคำจำกัดความไวัสโควิด-19 แต่เน้นน้ำว่ามันไม่มีนัยสำคัญทางกฎหมายใดๆ
ต่อมาวันที่ 10 มีนาคม เทดรอส ระบุว่า โรคดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังหลายประเทศ ทำให้มีความเสี่ยง “แท้จริงอย่างมาก” ที่การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะกลายเป็นการระบาดใหญ่
ภายใต้ระบบก่อนหน้านี้ องค์การอนามัยโลกเคยประกาศให้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ 2009 เป็นการระบาดใหญ่ แต่ปรากฏว่า มันไม่ได้ระบาดรุนแรงอย่างที่คิด จนนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ หลังเหล่าบริษัทยาพากันเร่งรีบพัฒนาวัคซีนและยารักษา
นายแพทย์ ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารโครงการฉุกเฉินของ WHO กล่าวว่า เมื่อโรคมีการระบาดไปยัง 100 ประเทศ และมีผู้ติดเชื้อ 100,000 ราย ก็ถึงเวลาแล้วที่คุณต้องกลับมาทบทวนการตัดสินใจ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เพียง 2 สัปดาห์ โรคโควิด-19 มีการแพร่ระบาดเพียง 30 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม ไรอันบอกว่า ประสบการณ์เมื่อครั้งเผชิญกับไข้หวัดใหญ่ อาจทำให้ผู้คนสรุปอย่างผิดๆ ว่า การระบาดใหญ่คือสถานการณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อมันเริ่มต้นแล้ว “ประสบการณ์ของเกาหลีใต้, สิงคโปร์ และจีน ในการต่อสู้กับไวรัสใหม่แสดงให้เห็นแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง”