เอเอฟพี - ทางการซาอุดีอาระเบียจับกุมเจ้าชาย 3 พระองค์ รวมถึงพระราชอนุชาและพระราชภาติยะ (หลาน) ของสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน ในความผิดฐานวางแผนก่อ ‘รัฐประหาร’ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณการรวบอำนาจของเจ้าชายมกุฎราชกุมารซึ่งเป็นผู้นำประเทศในทางพฤตินัย สื่อสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (6 มี.ค.)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นอีกครั้งที่เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงซึ่งทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ถูกลดบทบาทลง และเกิดขึ้นในขณะที่รัฐบาลซาอุฯ จำกัดการเข้าถึงศาสนสถานศักดิ์สิทธิ์ในอิสลามเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยไม่ระบุแหล่งข่าวว่า เจ้าชายอาเหม็ด บิน อับดุลอาซิส อัล-สะอูด พระราชอนุชาในสมเด็จพระราชาธิบดี และเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ พระราชภาติยะ ถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏ และถูกราชองครักษ์ชุดดำคุมตัวออกจากพระตำหนักเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ (6)
สำนักพระราชวังซาอุฯ กล่าวหาเจ้าชายทั้งสองซึ่งเคยเป็นรัชทายาทลำดับต้นๆ ว่า “วางแผนก่อรัฐประหารเพื่อโค่นล้มสมเด็จพระราชาธิบดีและมกุฎราชกุมาร” ซึ่งเป็นความผิดอาญาร้ายแรงที่มีโทษจำคุกตลอดชีวิตหรืออาจถึงขั้นประหาร
ด้านหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สก็รายงานเรื่องการจับกุมเชื้อพระวงศ์ซาอุฯ เช่นกัน แต่มีข้อมูลแถมว่าเจ้าชายนาวาฟ บิน นาเยฟ พระอนุชาของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ก็ทรงถูกควบคุมตัวด้วย
ล่าสุด ยังไม่มีคำยืนยันใดๆ จากรัฐบาลริยาด
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ทรงรวบอำนาจไว้ในมือพระองค์เองด้วยการจับกุมนักการศาสนา นักเคลื่อนไหว หรือแม้กระทั่งพระญาติและนักธุรกิจรายใหญ่ๆ ที่ต่อต้านนโยบายของพระองค์ ขณะเดียวกันก็ทรงถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากคดีฆาตกรรม ‘จามาล คาช็อกกี’ คอลัมนิสต์วอชิงตันโพสต์ซึ่งถูกทีมนักฆ่าของริยาดสังหารโหดภายในสถานกงสุลที่นครอิสตันบูลเมื่อเดือน ต.ค. ปี 2018
ผู้สังเกตการณ์เชื่อว่า มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ดซึ่งเวลานี้ทรงคุมกระทรวงหลักๆ ของรัฐบาลตั้งแต่กลาโหมเรื่อยไปจนถึงเศรษฐกิจต้องการกำจัดผู้ต่อต้านภายในราชวงศ์ให้หมดไป ก่อนที่พระองค์จะขึ้นสืบทอดบัลลังก์ต่อจากสมเด็จพระราชบิดาซึ่งเวลานี้มีพระชนมายุ 84 พรรษาแล้ว
“เจ้าชายโมฮัมเหม็ดทรงฮึกเหิมไม่เกรงกลัวใคร เพราะที่ผ่านมาก็ทรงกำจัด คุมขัง หรือแม้กระทั่งสังหารพวกที่กล้าวิจารณ์ระบอบของพระองค์โดยที่ไม่เกิดผลเสียใดๆ ตามมา” เบกก้า วาสเซอร์ นักวิเคราะห์นโยบานจาก RAND Corporation ให้ความเห็นเกี่ยวกับการจับกุมเชื้อพระวงศ์ครั้งล่าสุด
หลังข่าวการตายของคาช็อกกี เจ้าชายอาเหม็ดซึ่งมีพระชนมายุราว 70 พรรษาได้เสด็จฯ จากลอนดอนกลับมาประทับในซาอุดีอาระเบีย ซึ่งหลายคนมองว่าเป็นความพยายามกอบกู้ภาพลักษณ์ให้กับราชวงศ์ ทว่าก่อนหน้านั้นมีเหตุการณ์อื้อฉาวเกิดขึ้นจากการที่เจ้าชายพระองค์นี้เคยตรัสกับผู้ประท้วงที่กรุงลอนดอนว่า ราชวงศ์ซาอุฯ ไม่สมควรถูกประณามเรื่องสงครามในเยเมน
“ราชวงศ์ไปเกี่ยวอะไรด้วย? มีแค่คนบางคนเท่านั้นที่ต้องรับผิดชอบ คือสมเด็จพระราชาธิบดีกับมกุฎราชกุมาร” เจ้าชายอาเหม็ดระบุ ตามคลิปวิดีโอซึ่งเคยถูกแชร์ต่อๆ กันอย่างกว้างขวาง
คำแถลงดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการตำหนิผู้นำสูงสุดและบทบาทของทั้ง 2 พระองค์ในการทำสงครามเยเมน ทว่าเจ้าชายอาเหม็ดได้ออกมาปฏิเสธในภายหลัง และทรงอ้างว่าเป็นการตีความที่ “ผิดเพี้ยน”
สำหรับเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน นาเยฟ ทรงเคยรั้งตำแหน่งมกุฎราชกุมาร และยังเป็นอดีตรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย ก่อนจะมีการแต่งตั้งเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ขึ้นดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมารแทนในปี 2017