xs
xsm
sm
md
lg

“หูเป่ย” เปลี่ยนวิธีวินิจฉัยไวรัสโควิด-19 ส่งผลยอดเสียชีวิต-ติดเชื้อพุ่งกระฉูด แต่คาดไม่กระทบแนวโน้มการระบาดในจีนที่ทำท่าชะลอตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


<i>แพทย์ตรวจดูอาการคนไข้ในโรงพยาบาลจินหยินฐานซึ่งได้รับมอบหมายให้รักษาคนไข้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่มีอาการหนัก ในเมืองอู่ฮั่น เมืองเอกของมณฑลหูเป่ย เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) </i>
เอเจนซีส์ - ยอดผู้เสียชีวิตและผู้ติดเชื้อรายใหม่จากไวรัสโควิด-19 ในมณฑลหูเป่ยพุ่งทะยานทำลายสถิติประจำวัน โดยทางการจีนอธิบายว่าเนื่องมาจากการปรับวิธีวินิจฉัยโรคใหม่ เพื่อให้สามารถกักกันและรักษาผู้ป่วยได้เร็วขึ้น รวมทั้งยังสอดคล้องกับวิธีจำแนกผู้ติดเชื้อของมณฑลอื่นๆ

จากการแถลงข่าวประจำวันเมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 (ไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่) ที่มณฑลหูเป่ย ในวันพุธ (12) สร้างสถิติใหม่โดยอยู่ที่ 242 คน ทำให้จำนวนรวมกลายเป็น 1,310 คน

ตัวเลขประจำวันนี้เป็นกว่า 2 เท่าตัวของสถิติผู้เสียชีวิตสูงสุดในรอบวันที่มณฑลนี้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันจันทร์ (10) โดยอยู่ที่ 103 คน ขณะที่จำนวนคนไข้ติดเชื้อรายใหม่ก็พุ่งพรวดขึ้นไปถึง 14,840 ราย –อันเป็นการสร้างสถิติใหม่เช่นกัน-- และทำให้ยอดรวมอยู่ที่ 48,206 ราย

พวกเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของมณฑลนี้อธืบายว่า ได้เริ่มวิธีการวินิจฉัยโรคใหม่ตั้งแต่วันพฤหัสฯ โดยหากยังใช้วิธีการเดิมแล้ว จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในวันพุธจะอยู่ที่เพียง 1,508 คน

ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสาธารณสุขมณฑลหูเป่ยเผยว่า จะเริ่มใช้ผลการสแกนปอดด้วยเครื่องเอกซ์เรย์คอมพิวเตอร์ (ซีที) ในการยืนยันการติดเชื้อเพื่อให้โรงพยาบาลแยกผู้ป่วยได้เร็วขึ้น รวมทั้งเพื่อให้สอดคล้องกับวิธีการจำแนกผู้ติดเชื้อในมณฑลอื่นๆ

ทาริก จาซาเรวิก โฆษกขององค์การอนามัยโลก (ฮู) บอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า “ทางเราในปัจจุบันมีความเข้าใจว่า เกณฑ์การจำกัดความวินิจฉัยผู้ป่วยรายใหม่ได้มีการขยับขยายกว้างขวางขึ้น โดยครอบคลุมไปถึงรายที่ไม่ได้มีผลแล็ปยืนยันแต่เป็นรายซึ่งได้รับการวินิจฉัยทางคลินิกโดยอิงอยู่กับอาการและการแสดงออกภายนอกแล้ว”

วิธีการใหม่นี้กำลังนำออกมาใช้เฉพาะในหูเป่ย และจาซาเรวิกกล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดจากมณฑลนี้ได้นำเอารายที่ได้รับการวินิจฉัยย้อนหลังรวมเข้าไปด้วย

ทางด้านบริษัทที่ปรึกษา แคปิตอล อีโคโนมิกส์ ระบุว่า การพุ่งพรวดของจำนวนผู้เสียชีวิตเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องชี้ให้เห็นว่าการระบาดเกิดการเร่งตัว หากน่าจะเป็นการเน้นให้เห็นว่าตัวเลขก่อนหน้านี้ยังต่ำเกินไปมากกว่า

“ในขณะนี้ ตัวเลขล่าสุดยังไม่ได้มีท่าทีจะเป็นการบ่อนทำลายสัญญาณแนวโน้มต่างๆ ซึ่งปรากฏในระยะหลังๆ มานี้ที่บ่งชี้ว่า การกระจายของไวรัสนี้อาจจะกำลังชะลอตัวลง” รายงานของบริษัทที่ปรึกษาแห่งนี้กล่าว

<i>เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ผู้หนึ่งใช้อุปกรณ์สื่อสารพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานซึ่งกำลังทำงานอยู่ในหอผู้ป่วยแยกเดี่ยวผู้ป่วยซึ่งปรับระดับความดันในห้องเป็นลบ (negative-pressure isolation ward) ณ โรงพยาบาลจินหยินฐาน ในเมืองอู่ฮั่น เมื่อวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.) </i>
กระนั้น วิกเตอร์ ฉี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองจีนของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตซานดิเอโก มีข้อข้องใจว่า จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งพรวดเช่นนี้ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความมุ่งมั่นสร้างความโปร่งใสของฝ่ายจีน โดยจากการที่สามารถระบุตัวเลขใหม่ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นมากมายได้ในวันเดียวเช่นนี้ เขามองว่าคือหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนว่า จีนนั้นมีข้อมูลจำนวนผู้ที่ได้รับการยืนยันติดเชื้อเป็น 2 ชุดอยู่ก่อนแล้ว

เขาตั้งข้อกังขาต่อไปว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ที่พุ่งทะยานนี้ส่วนใหญ่อยู่ในอู่ฮั่นเมืองเดียว แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเมืองอื่นๆ ที่เหลือในหูเป่ยยังไม่ได้ปรับใช้วิธีการใหม่

ก่อนหน้านี้หูเป่ยใช้วิธีทดสอบอาร์เอ็นเอในการยืนยันผู้ติดเชื้อ ซึ่งต้องใช้เวลานานหลายวันทำให้การรักษาล่าช้าออกไป ทั้งนี้ อาร์เอ็นเอคือ กรดไรโบนิวคลิอิกที่มีข้อมูลทางพันธุกรรมที่ช่วยในการระบุสิ่งมีชีวิต เช่น ไวรัส

ส่วนการใช้ซีทีสแกนที่เผยให้เห็นการติดเชื้อในปอดจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาเร็วขึ้นและเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว

สำหรับ ไรนา แมคอินไทร์ หัวหน้าแผนกวิจัยความปลอดภัยทางชีวภาพของสถาบันเคอร์บี้ มหาวิทยาลัยนิวเซาท์เวลส์ ในเมืองซิดนีย์ ตั้งข้อสังเกตว่า การใช้ซีทีสแกนอาจทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้น ภายใต้สมมติฐานว่า ผู้เสียชีวิตบางส่วนอาจไม่ได้รับการวินิจฉัยในห้องปฏิบัติการ แต่ผ่านการทำซีทีสแกน

แมคอินไทร์สำทับว่า ควรทบทวนตัวเลขย้อนหลังไปจนถึงเดือนธันวาคม และแสดงความเห็นว่า การตรวจที่ให้ผลบวกแบบใหม่ ซึ่งต่างจากกรณีที่ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อ มีแนวโน้มมากขึ้นที่จะสะท้อนกรณีที่ไม่แสดงอาการด้วย ทำให้ได้ภาพที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านี้สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การขาดแคลนชุดตรวจอาร์เอ็นเอในอู่ฮั่น เมืองหลวงของมณฑลหูเป่ยและศูนย์กลางการแพร่ระบาด เป็นปัญหาสำคัญและอาจทำให้เกิดความล่าช้าในการวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วย ส่งผลให้ไวรัสแพร่กระจายในช่วงเริ่มต้นการระบาด
กำลังโหลดความคิดเห็น