มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์ - วอลล์สตรีทพุ่งทุบสถิติสูงสุดตลอดกาล 3 วันติดในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) หลังสถานการณ์ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างวอชิงตันกับปักกิ่งผ่อนคลายลงและข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีน ปัจจัยดังกล่าวดันราคาน้ำมันขยับขึ้น ส่วนทองคำปรับลดในกรอบแคบๆ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 100.51 จุด (0.36 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 28,235.89 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 22.65 จุด (0.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,191.45 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 79.35 จุด (0.91 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 8,814.23 จุด
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงเมื่อวันศุกร์ (13 ธ.ค.) เกี่ยวกับข้อตกลงการค้าชั่วคราวระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก แม้คาดหมายว่าเศรษฐกิจจีนจะยังคงเติบโตพอประมาณ แต่พวกนักวิเคราะห์หลายคนมองว่าสถานการณ์ที่คลี่คลายในข้อพิพาททางการค้าได้ก่อความหวังแก่แนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ในมุมมองในบวกที่มีมากขึ้น จีนเผยแพร่ข้อมูลในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ระบุว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน ในเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 6.2% มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ออกมา 4.7%
ปัจจัยทั้งทางด้านข้อตกลงการค้าเฟส 1 ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ และข้อมูลภาคการผลิตที่แข็งแกร่งของปักกิ่ง ช่วยดันราคาน้ำมันในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ปิดสูงสุดในรอบ 3 เดือนเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 14 เซ็นต์ ปิดที่ 60.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนกุมภาพันธ์ เพิ่มขึ้น 12 เซ็นต์ ปิดที่ 65.34 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
น้ำมันทั้งสองสัญญาแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน
มานิช ราช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของบริษัท วาเลนเดรา เอเนอร์จี บอกว่า “ทุกความเคลื่อนไหวของตลาดในวันจันทร์ เป็นเรื่องเกี่ยวกับจีน มันไม่ใช่แค่ข้อตกลงการค้าเฟส 1 แต่ยังรวมถึงข้อมูลเศรษฐกิจทางบวกจากจีนด้วย” เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของราคาทองคำในวันจันทร์ (16 ธ.ค.) ปิดลบในกรอบแคบๆ ถูกฉุดจากการแข็งค่าของดอลลาร์ โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 70 เซนต์ ปิดที่ 1,480.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์