xs
xsm
sm
md
lg

เฟดปรับลดดอกเบี้ยเป็นครั้งที่3 แต่งสัญญาณหยุดวัฏจักรผ่อนคลายทางการเงิน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเอฟพี - ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันพุธ(30ต.ค.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 3 แต่สถาบันแห่งนี้ยังคงเต็มไปด้วยความแตกแยก โดยสมาชิก 2 ใน 10 คนโหวตเห็นต่างจากคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินคนอื่นๆ

ในครั้งนี้คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน(FOMC)ของเฟด มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆในถ้อยคำของถ้อยแถลง ซึ่งมันทำให้มีความแน่นอนน้อยลงว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธันวาคม

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% สู่ระดับ 1.50%-1.75% ตามที่คาดหมายไว้ นับเป็นการถอยกลับอีกหน นับตั้งแต่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยถึง 4 ครั้งในปี 2018

แอสเทอร์ จอร์จ ประธานเฟดสาขาแคนซัส และ เอริค โรเซนเกรน ประธานเฟดสาขาบอสตัน คือ 2 คนที่คัดค้านการปรับลดอัตราดอกเบี้ยล่าสุด เช่นเดียวกับการลงมติปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งก่อนหน้านี้

ถ้อยแถลงของ FOMC เหล่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายระบุว่าผลลัพธ์ที่มีความเป็นไปได้มากที่สุดคือเศรษฐกิจยังคงเติบโตและตัวเลขการจ้างงานแข็งแกร่ง "แต่แนวโน้มการเติบโตยังคงมีความไม่แน่นอน" อย่างไรก็ตามคำแถลงครั้งนี้ได้มีการปรับแก้ถ้อยคำจากคำแถลงหนก่อน โดยเฟดมีการตัดคำว่า "เฟดจะดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อประคับประคองการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" ออกไป

ขณะเดียวกันถ้อยแถลงครั้งนี้ FOMC ได้ใส่ประโยคอื่นเข้ามาแทน ได้แก่ถ้อยคำที่ระบุว่า "ทางคณะกรรมการจะเดินหน้าจับตาความหมายโดยนัยของข้อมูลต่างๆสำหรับแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่กำลังเข้ามา ในขณะเดียวกันก็จะประเมินเส้นทางเหมาะสมต่อพิกัดเป้าหมายของอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อไป"

จากการวิเคราะห์อย่างละเอียดในทุกถ้อยคำของ FOMC ผลสรุปจึงดูเหมือนว่าพวกเขากำลังเปิดประตูสำหรับการหยุดวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายทางการเงิน ที่ทางเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดเรียกมันว่า "การปรับเปลี่ยนนโยบายในช่วงกลางวัฎจักร (mid-cycle adjustment)"

ในขณะที่สงครามการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับจีน และความกังวลเกี่ยวกับเบร็กซิต ได้ส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและทำให้การลงทุนหยุดชะงัก พวกนักเศรษฐศาสตร์คาดหมายว่าความเคลื่อนไหวครั้งนี้ของเฟดจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแอของอเมริกา

อย่างไรก็ตามข้อมูลอีกด้านหนึ่งที่เผยแพร่ในวันพุธ(30ต.ค.) กลับออกมาแข็งแกร่งอย่างน่าประหลาดใจ เมื่อพบว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี)ของสหรัฐฯ เติบโต 1.9% โดยได้แรงหนุนจากภาคอสังหาริมทรัพย์และการใช้จ่ายด้านดูแลสุขภาพของผู้บริโภค

ส่วนตัวเลขการจ้างงานสหรัฐฯยังทรงตัวและอัตราคนว่างงานอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อค่อยๆคลานเข้าหาระดับเป้าหมาย 2.0%ของเฟด

อย่างไรก็ตามสงครามการค้ายังก่อความไม่แน่นอนแก่เศรษฐกิจโลก และข้อมูลในสหรัฐฯปรากฏสัญญาณแห่งความน่ากังวล เนื่องด้วยการขยายตัวทางเศรษฐกิจต้องพึ่งพิงผู้บริโภคอเมริกาเป็นหลัก

ผลสำรวจความคิดเห็นเมื่อเร็วๆนี้ พบว่าราว 1 ใน 3 ของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ตอบแบบสอบถาม เชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะถลำเข้าสู่ภาวะถดถอยใน 12 เดือนข้างหน้า
กำลังโหลดความคิดเห็น