รอยเตอร์ - เกาหลีใต้ในวันอังคาร(22ต.ค.) ส่งฝูงบินขับไล่ขึ้นเตือนฝูงบินรบของรัสเซีย ที่พวกเขากล่าวอ้างว่าบินเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศ ในเหตุกระทบกระทั่งทางอากาศหนล่าสุด หลังจากก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุลักษณะดังกล่าวมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
คณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ (JCS) เปิดเผยว่าเครื่องบินทหารรัสเซีย 6 ลำได้ล่วงล้ำเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของเกาหลีใต้ (KADIZ) ซ้ำๆในช่วงเวลา 6 ชั่วโมง ในขณะที่ ADIZ นั้นต่างจากน่านฟ้าของประเทศ โดยแต่ละชาติต้องการให้เครื่องบินต่างชาติใช้มาตรการพิเศษเพื่อระบุตัวตนต่อเจ้าหน้าที่ของประเทศนั้นๆ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียปฏิเสธว่าฝูงบินทั้งระเบิดของพวกเขา ซึ่งบินไปพร้อมกับเครื่องบินรบอื่นๆ ไม่ได้ละเมิดน่านฟ้าของประเทศไหนๆ พร้อมยืนยันว่าพวกเขาบินอยู่เหนือน่านน้ำสากลในทะเลญี่ปุ่น, ทะเลเหลืองและทะเลจีนตะวันออก
เจ้าหน้าที่รัสเซียบอกด้วยว่าเกาหลีใต้เองและฝูงบินขับไล่ของญี่ปุ่นก็เคยร่วมบินไปกับฝูงบินทิ้งระเบิดของรัสเซีย ส่วนหนึ่งในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าการลาดตระเวณตามแผน ตามรายงานของสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์
ขอบเขตทางทะเลระหว่างญี่ปุ่น, รัสเซียและคบสมุทรเกาหลี เป็นจุดหล่อมแลมมาช้านานท่ามกลางประเด็นพิพาทเหนือน่านฟ้าในภูมิภาคซึ่งเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้ง
ในถ้อยแถลงของคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้ ระบุว่า "กองทัพของเรารุดส่งฝูงบินขับไล่ขึ้นติดตามและสังเกตการณ์ฝูงบินของรัสเซีย และส่งสารคำเตือน" พร้อมระบุว่าเหตุการณ์นี้ถือเป็นกรณีที่เครื่องบินทหารรัสเซียละเมิดเขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของเกาหลีใต้ ครั้งที่ 20 แล้วในปีนี้
เมื่อเดือนกรกฏาคม ฝูงบินเกาหลีใต้ยิงพลุแฟลร์และและยิงเตือนหลายร้อยนัดใกล้ฝูงบินทิ้งระเบิดรัสเซียที่ล่วงล้ำน่านฟ้าเกาหลีใต้ ในขณะที่มอสโกอ้างว่าฝูงบินดังกล่าวอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจบินลาดตระเวณระยะไกลในภูมิภาคร่วมกับจีนเป็นครั้งแรก
อย่างไรก็ตามในเหตุการณ์ในวันอังคาร(22ต.ค.)นั้น กองทัพของโซลชี้แจงว่าไม่มีการยิงเตือน เนื่องจากเครื่องบินรัสเซียไม่ได้ล่วงล้ำเข้าสู่น่านฟ้าของเกาหลีใต้
เหล่าเจ้าหน้าที่กองทัพเกาหลีใต้และกองทัพรัสเซียมีกำหนดเปิดหารือกันในวันพุธ(23ต.ค.) ต่อแผนการหนึ่งที่จเปิดสายด่วนระหว่างกองทัพอากาศของทั้งสองชาติ ส่วนหนึ่งในความพยายามควบคุมการบินเข้าสู่เขตแสดงตนเพื่อป้องกันภัยทางอากาศของแต่ละฝ่ายแบบไม่มีการแสดงตัว