เอเจนซีส์ – ชิลียังคงอยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ภาวะฉุกเฉิน พบล่าสุดพื้นที่ถูกประกาศครอบคลุมขยายออกจากกรุงซันติอาโก ยอดดับรวม 3 วันมีไม่ต่ำกว่า 11 ราย มีการจับกุมทั้งหมด 1,554 ครั้งชิลีส่งกองกำลังไปตามถนนกว่า 10,000 นาย และมีรายงานร่วม 40 แห่งเป็นอย่างน้อยถูกปล้นสะดม
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานเมื่อวานนี้( 21 ต.ค)ว่า ในคำแถลงของประธานาธิบดีชิลี เซบาสเตียน ปิเญรา ที่ออกมาในคืนวันอาทิตย์(20) แสดงถึงการไม่ยอมแพ้ว่า “เรากำลังอยู่ในสงครามกับศัตรูที่ทรงพลังและไม่ยอมประนีประนอมที่ไม่เคารพต่อสิ่งใดหรือใคร”
ตัวเลขทางการออกมาชี้ถึงการปะทะในช่วงสุดสัปดาห์ว่า มีการจับกุมไป 1,554 ครั้ง กองกำลังไม่ต่ำกว่า 10,000 นายถูกส่งเข้าสู่ถนน และมีรายงานไม่ต่ำกว่า 40 แห่งถูกปล้นสะดม
วิกฤตเริ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมาเมื่อมีเยาวชนแสดงความไม่พอใจและต่อต้านต่อการปรับราคาค่าโดยสารเมโทรอีก 3% พบในวันศุกร์(18) กลุ่มผู้ประท้วงได้จุดไฟเผาสถานีเมโทรอย่างน้อย 12 แห่งคิดเป็นความเสียหายมูลค่าร่วม 300 ล้านดอลลาร์
แต่ พอลา รีวาส(Paula Rivas) ประธานสหภาพแรงงานเมโทรในกรุงซันติอาโกชี้ว่า การขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ใช่แรงขับดันที่แท้จริงของความไม่สงบ “แต่เป็นเงินบำนาญที่ต่ำ การแปรูปรัฐวิสาหกิจน้ำประปา ราคาค่าไฟฟ้าที้พุ่งสูง ระบบสาธารณสุข ความจำเป็นของความเท่าเทียมสิทธิทางการศึกษา”
และชี้ว่า “ราคาค่าตัวโดยสารเมโทรเป็นสิ่งที่กระตุ้นทำให้เกิดขึ้นเท่านั้น มันเป็นเชิงสัญลักษณ์ มันทำให้คนออกมาประกาศว่า “พอเสียที” พวกเราจะไม่เงียบอีกต่อไป”
ด้านนายกเทศมนตรีกรุงซันติอาโก คาร์ลา รูบิลาร์( Karla Rubilar)ในวันจันทร์(21)ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการหันหน้าเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มผู้ประท้วง และยังเปิดเผยถึงจำนวนตีวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุด 3 วันว่าอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 11 ราย
อ้างอิงจากบีบีซี สื่ออังกฤษ พบว่า กรุงซันติอาโกนั้นแต่เดิมอยู่ภายใต้การใช้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่ล่าสุดได้มีการขยายพื้นที่ออกไปในเมืองทางเหนือและทางใต้ของชิลี
โดยในคืนวันจันทร์(21)กองทัพและตำรวจชิลีใช้แก๊สน้ำตากับกลุ่มผู้ประท้วง และกฎเคอร์ฟิวถูกบังคับใช้ในเมืองใหญ่ๆเป็นคืนที่ 3