รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี เซบาสเตียน พิเนรา แห่งชิลีประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงซันติอาโกวันนี้ (19 ต.ค.) หลังผู้ประท้วงซึ่งไม่พอใจการขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าใต้ดินก่อเหตุจลาจลเผาอาคารและทำลายทรัพย์สินต่างๆ ขณะที่รถไฟใต้ดินในเมืองหลวงต้องหยุดให้บริการ
สถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเผยแพร่คลิปวิดีโอขณะที่ผู้ประท้วงซึ่งสวมฮู้ดสีดำปกปิดใบหน้าเข้าไปจุดไฟเผาสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง รวมถึงปล้นสะดมร้านค้า เผารถประจำทาง และทุบทำลายประตูเหล็กหมุนของสถานีรถไฟในช่วงบ่ายวันศุกร์ (18)
พิเนรา ออกแถลงการณ์ประกาศภาวะฉุกเฉินเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ในขณะที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งควบคุมความเสียหาย ท่ามกลางเสียงไซเรนที่ดังสนั่นไปทั่วเมือง
ผู้นำสายกลาง-ขวารายนี้ประกาศจะใช้อำนาจตามกฎหมายฉุกเฉินเอาผิด “อาชญากร” ที่ทำลายทรัพย์สินในเมืองหลวง แต่ก็ยอมรับว่าเข้าใจและเห็นใจประชาชนที่ต้องจ่ายค่าโดยสารรถไฟใต้ดินแพงขึ้น
“รัฐบาลจะจัดให้มีการพูดคุยในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความลำบากจากแผนขึ้นค่าโดยสาร” พิเนรา กล่าว
แม้ชิลีจะจัดเป็นประเทศร่ำรวยอันดับต้นๆ ในละตินอเมริกา แต่ก็มีปัญหาความเหลื่อมล้ำสูงมาก ค่าครองชีพที่แพงลิ่วในกรุงซันติอาโกได้กลายเป็นประเด็นทางการเมืองที่นำมาสู่ข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปฏิรูปทุกๆ อย่าง ตั้งแต่การจัดเก็บภาษี, กฎหมายแรงงาน และระบบเงินบำนาญ
Enel Chile ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Enel ของอิตาลีระบุว่า สำนักงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงซันติอาโกถูกลอบวางเพลิง ขณะที่สถานีโทรทัศน์เผยคลิปเหตุการณ์ขณะที่ไฟกำลังลุกลามขึ้นไปบนตัวตึก และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงต้องพยายามฝ่าด่านผู้ประท้วงที่มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก
นักเรียนมัธยมและนักศึกษามหาวิทยาลัยในชิลีเริ่มออกมาเคลื่อนไหว หลังจากที่รัฐบาลประกาศขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดินเป็น 1.17 ดอลลาร์ตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค. โดยอ้างปัญหาค่าเงินอ่อนและต้นทุนทางพลังงานที่สูงขึ้น
สถานการณ์การประท้วงได้ทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงบ่ายวันศุกร์ (18) และเจ้าหน้าที่ตัดสินใจสั่งปิดสถานีรถไฟใต้ดินทั้ง 136 แห่งซึ่งมีระยะทางรวมกันมากกว่า 140 กิโลเมตร
ระบบรถไฟใต้ดินในกรุงซันติอาโกจะยังปิดให้บริการตลอดช่วงสุดสัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าตัวสถานี “ได้รับความเสียหายอย่างหนัก” จนไม่สามารถเดินรถอย่างปลอดภัยได้
ตำรวจชิลีใช้กระบองและแก๊สน้ำตาเข้าสลายกลุ่มผู้ชุมนุมซึ่งพากันตีหม้อและบีบแตรรถยนต์เพื่อสื่อถึงการต่อต้านนโยบายรัฐ ขณะที่ผู้บริหารรถไฟใต้ดินเผยว่าเกิดเหตุกระทบกระทั่งภายในสถานีรถไฟมากกว่า 200 ครั้งตลอดช่วง 11 วันที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นฝีมือพวกนักเรียนนักศึกษาที่กระโดดข้ามหรือพยายามจะฝ่าเหล็กกั้น