รอยเตอร์ - เศรษฐกิจจีนไตรมาส 3 ขยายตัวต่ำกว่าเป้าหมายที่ 6.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 27 ปี ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบของสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ รวมไปถึงอุปสงค์ภายในประเทศจีนที่ซบเซาลง
ข้อมูลเชิงสถิติดังกล่าวบ่งชี้ถึงภาวะขาลงทางเศรษฐกิจ หลังจากที่จีดีพีจีนในช่วงไตรมาส 2 ยังเติบโตได้ถึง 6.2% และกระพือความคาดหมายว่าปักกิ่งอาจเผยมาตรการกระตุ้นใหม่ๆ เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ชะลอตัวไปกว่านี้
ตัวเลขจีดีพีในไตรมาส 3 ยังถือว่าต่ำที่สุดจากเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ตั้งเอาไว้ระหว่าง 6.0-6.5% สำหรับปีนี้
นักลงทุนและหุ้นส่วนการค้าต่างเฝ้าจับตาเศรษฐกิจแดนมังกรซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกว่าจะมุ่งไปในทิศทางใด หลังจากสงครามการค้าที่ยืดเยื้อกับสหรัฐฯ มีแนวโน้มฉุดเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัวลง
โฮเหว่ย เฉิน (Ho Woei Chen) นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารยูโอบีในสิงคโปร์ชี้ว่า ข้อตกลงการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ยังเป็นสิ่งที่ไม่แน่ไม่นอน และหากสหรัฐฯ เริ่มบังคับใช้มาตรการรีดภาษีอีกระลอกในวันที่ 15 ธ.ค. ก็อาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2020
ตัวเลขจีดีพีที่ในช่วงไม่กี่เดือนมายังสะท้อนอุปสงค์ที่อ่อนแอลงทั้งภายในและนอกประเทศ แต่ถึงกระนั้นนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่ารัฐบาลปักกิ่งจะใช้มาตรการกระตุ้นอย่างมีขีดจำกัด เนื่องจากภาระหนี้สินที่พอกพูนขึ้นจากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งก่อนๆ ซึ่งทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูง
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้เหลือแค่ 3.0% ซึ่งถือว่าต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินโลกปี 2008-2009 สืบเนื่องจากผลกระทบของสงครามการค้า แต่ยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้หากสหรัฐฯ และจีนยกเลิกการดวลภาษี