รอยเตอร์ - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศจะใช้สนามกอล์ฟส่วนตัวในรัฐฟลอริดาเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ในปีหน้า เรียกเสียงวิจารณ์จากพรรคเดโมแครตที่มองว่าผู้นำสหรัฐฯ ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ให้ตัวเอง
มิค มัลวานีย์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว แถลงวานนี้ (17 ต.ค.) ว่า การประชุมซัมมิต G7 จะจัดขึ้นที่รีสอร์ตสนามกอล์ฟ ทรัมป์ เนชันแนล โดรัล (Trump National Doral) ใกล้เมืองไมอามี ระหว่างวันที่ 10-12 มิ.ย. ปี 2020 หลังจากที่รัฐบาลได้พิจารณาตัวเลือกมากกว่า 10 แห่ง
ทรัมป์ ถูกสภาคองเกรสคณะกรรมการสอบสวนทั้งเรื่องการเงินและผลประโยชน์ทับซ้อนจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเขายังคงมีชื่อเป็นเจ้าของอยู่ และล่าสุดก็ถูกสภาผู้แทนราษฎรเปิดการไต่สวนถอดถอน (impeachment) จากกรณีที่ไปล็อบบี้ผู้นำยูเครนเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
รัฐธรรมนูญอเมริกันมีบทบัญญัติ emoluments clause ซึ่งห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐรับเงินเดือน ค่าธรรมเนียม หรือผลกำไรจากรัฐบาลต่างชาติและรัฐบาลในประเทศ หากปราศจากความเห็นชอบจากสภาคองเกรส
สมาชิกพรรคเดโมแครตขู่จะตรวจสอบแผนของ ทรัมป์ ในการใช้สนามกอล์ฟส่วนตัวจัดซัมมิต G7 ตั้งแต่ผู้นำสหรัฐฯ เริ่มเสนอไอเดียนี้ขึ้นมาในเดือน ส.ค.
“รัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจนว่า ประธานาธิบดีไม่สามารถรับของกำนัลหรือเงินจากรัฐบาลต่างชาติ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้” แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวผ่านทวิตเตอร์
เจอร์โรลด์ แนดเลอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุติธรรมแห่งสภาผู้แทนราษฎร ชี้ว่าคำประกาศของรัฐบาล “เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมคอร์รัปชันของประธานาธิบดี”
มัลวานีย์ ชี้แจงต่อสื่อมวลชนว่า ทรัมป์ไม่ได้มีกำไรจากการใช้สนามกอล์ฟส่วนตัวเป็นสถานที่จัดประชุม เนื่องจากค่าใช้จ่ายจะเก็บตาม “ราคาต้นทุน” นอกจากนี้ สนามกอล์ฟโดรัลก็ยังมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าสถานที่อื่นๆ หลายล้านดอลลาร์ ซึ่งจะช่วยประหยัดงบประมาณได้ราว 50%
ทรัมป์ พยายามโจมตี โจ ไบเดน ผู้สมัครชิงประธานาธิบดีตัวเต็งของพรรคเดโมแครต โดยกล่าวหาบุตรชายของ ไบเดน ซึ่งทำธุรกิจในยูเครนและจีนว่ามีพฤติกรรมคอร์รัปชัน แต่ก็ไม่เคยแสดงหลักฐานยืนยัน
ผู้สื่อข่าวตั้งถามว่า การที่ประธานาธิบดีใช้อสังหาริมทรัพย์ส่วนตัวจัดอีเวนต์ระดับชาตินั้นจะต่างกับสิ่งที่กล่าวหาพ่อลูกไบเดนตรงไหน ซึ่ง มัลวานีย์ ก็อธิบายว่าผู้นำสหรัฐฯ จะไม่ได้กำไรจากงานนี้ และครอบครัว ทรัมป์ ก็ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ก่อนที่เขาจะเข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือน ม.ค. ปี 2017
ทรัมป์อ้างว่าตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับงานบริหารบริษัท เนื่องจากยกให้ลูกชายทั้งสองเป็นผู้ดูแล