“เดโมแครต” โอ่พยานให้การมัด “ทรัมป์” คดียูเครน ทำเนียบขาว-จูเลียนียันไม่ให้เอกสารที่ร้องขอ

เอเจนซีส์ – ผู้นำการสอบสวนของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ตามกระบวนการในการถอดถอนทรัมป์ เผยพยานหลายคนให้ข้อมูลสำคัญที่ตอกย้ำว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บีบให้ยูเครนสอบสวนไบเดน ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมือง ขณะที่เจ้าตัวโต้การสอบสวนของเดโมแครตไม่โปร่งใส และทำเนียบขาวตลอดจนทนายส่วนตัวทรัมป์ปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบเอกสารเกี่ยวกับยูเครนตามที่คณะกรรมาธิการสภาล่างร้องขอ

ในวันอังคาร (15 ต.ค.) แอดัม ชิฟฟ์ ส.ส.พรรคเดโมแครต ที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และเป็นหนึ่งในแกนนำของเดโมแครตซึ่งผลักดันเดินหน้ากระบวนการสอบสวนเพื่ออิมพีชทรัมป์อยู่ในเวลานี้ ระบุว่า พยาน 5 คนที่มาให้ปากคำแบบปิดประตูไม่ให้คนนอกรับฟัง ได้ให้การสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ใช้อำนาจโดยมิชอบ ซึ่งอาจจะใช้เป็นข้อสนับสนุนให้ข้อกล่าวหาเพื่อถอดถอนทรัมป์มีน้ำหนักมากขึ้น

พยานเหล่านี้ได้เปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่า การคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ซึ่งดูเหมือนทรัมป์พยายามใช้ความช่วยเหลือทางทหารที่อเมริกาจะให้แก่ยูเครน เป็นเครื่องมือต่อรองเพื่อกดดันให้เคียฟสอบสวนโจ ไบเดน ผู้สมัครเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปีหน้านั้น แท้จริงแล้วเป็นสิ่งที่ทางทรัมป์มีการวางแผนล่วงหน้า รวมทั้งมีการดำเนินการเพื่อติดตามผลหลังจากนั้นด้วย

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวระบุว่า เมื่อวันจันทร์ (14) ฟิโอนา ฮิลล์ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซียของทำเนียบขาว เปิดเผยต่อคณะสอบสวนของสภาล่างสหรัฐฯว่า ผู้ช่วยระดับสูงหลายคนของทรัมป์ได้รายงานเรื่องการพูดคุยโทรศัพท์ระหว่างทรัมป์กับเซเรนสกี ให้ที่ปรึกษากฎหมายของทำเนียบขาวผู้หนึ่งรับทราบเอาไว้ โดยระบุว่าประธานาธิบดีอาจกระทำความผิด

ฮิลล์เล่าว่า เจ้านายของเธอคือ จอห์น โบลตัน ซึ่งขณะนั้นยังมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ ได้เรียกพฤติการณ์ที่ทรัมป์ร่วมกับจูเลียนี ทนายความส่วนตัวของประธานาธิบดี ตลอดจนมิก มัลเวนีย์ ประธานคณะทำงานทำเนียบขาว ในการกดดันเซเลนสกีนั้น มีความใกล้เคียงกับพวกติดต่อซื้อขายยาเสพติด

ฮิลล์เสริมว่า โบลตันยังเตือนว่า จูเลียนีที่ถูกสอบสวนในกรณีนี้ด้วยเช่นกัน คือระเบิดมือที่กำลังจะระเบิดตูมตามทำลายทุกคน

นอกจากฮิลล์แล้ว ยังมีจอร์จ เคนต์ นักการทูตอาวุโสของสหรัฐฯ ที่เปิดเผยระหว่างการให้การแบบปิดลับว่า ตกใจกับความพยายามของจูเลียนีและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ในการกดดันยูเครน

เขายังบอกอีกว่า มัลเวนีย์เลือกเจ้าหน้าที่ซึ่งพร้อมดำเนินนโยบายกดดันยูเครนเข้าแทนที่ หลังจากมารี โยวาโนวิตช์ เอกอัครราชทูตอเมริกันประจำเคียฟในขณะนั้น ถูกเรียกตัวกลับกะทันหันในเดือนพฤษภาคม โดยที่ตัวโยวาโนวิชได้ให้ปากคำกับคณะผู้สอบสวนของสภาล่างว่า คณะบริหารของทรัมป์ใช้ข้อกล่าวอ้างเท็จในการเรียกเธอกลับประเทศ

ทางด้านทรัมป์ทวิตโจมตีว่า การสอบปากคำที่ดำเนินการโดยเดโมแครตนั้นไม่โปร่งใส

ขณะนี้ พรรคเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากในสภาล่างกำลังเร่งสอบสวนเพื่อพิสูจน์ว่า ทรัมป์ใช้เงินช่วยเหลือต่างชาติ มาเป็นเครื่องมือหาผลประโยชน์ทางการเมืองส่วนตัวเพื่อให้ตนเองได้รับเลือกตั้งในปีหน้า ซึ่งหากเรื่องนี้เป็นจริงก็จะถือว่า ละเมิดกฎหมายการเลือกตั้ง

ก่อนหน้านี้ทรัมป์ยอมรับว่า ขอให้เซเลนสกีสอบสวนไบเดนจริง เนื่องจากสงสัยว่า ไบเดนทุจริต แต่ยืนยันว่า ไม่ได้มีเหตุผลด้านการเมืองแต่อย่างใด

ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคาร ทำเนียบขาวได้ปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อกับยูเครนนี้ ซึ่งเป็นเอกสารของสำนักงานงบประมาณ กระทรวงกลาโหม และสำนักงานรองประธานาธิบดี โดยอ้างว่า การสอบสวนของคณะกรรมาธิการสภาล่างขาดความถูกต้องชอบธรรม

เช่นเดียวกับจูเลียนีที่ปฏิเสธหมายเรียกเอกสาร ด้วยข้ออ้างเดียวกันว่าการสอบสวนดังกล่าวไม่ชอบธรรมและขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่การปฏิเสธนี้อาจทำให้เขาถูกประกาศว่า ละเมิดอำนาจรัฐสภา

ทางด้านชิฟฟ์กล่าวหาว่า ทำเนียบขาวกำลังขัดขวางการสอบสวน ซึ่งอาจทำให้ข้อกล่าวหาเพื่อถอดถอนมีน้ำหนักขึ้น

สมาชิกพรรคเดโมแครตที่เกี่ยวข้องในการสอบสวนนี้แย้มว่า สภาล่างอาจตั้งข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการเพื่อถอดถอนทรัมป์ภายในปลายปีนี้