รอยเตอร์ – ทางการอินโดนีเซียแจ้งเตือนประชาชนให้ระมัดระวังสุขภาพ หลังหมอกควันไฟป่าทวีความรุนแรงขึ้นอีกระลอกวันนี้ (15 ต.ค.) ในขณะที่หลายจังหวัดสั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากคุณภาพอากาศย่ำแย่
ปรากฏการณ์เอลนีโญ่ในปีนี้มีส่วนโหมกระพือสถานการณ์ไฟป่าในอินโดนีเซีย ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการที่ชาวบ้านจุดไฟเผาซากพืชเพื่อเคลียร์พื้นที่สำหรับปลูกปาล์มน้ำมัน
สำนักงานอุตุนิยมวิทยา สภาพอากาศวิทยา และธรณีฟิสิกส์ของอินโดนีเซีย (BMKG) ระบุว่า มีการพบจุด ‘ฮอตสป็อต’ เพิ่มขึ้นเป็น 1,547 จุดในพื้นที่ 6 จังหวัดทั้งบนเกาะสุมาตราและบอร์เนียวตลอดช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา แม้จะมีฝนตกลงมาช่วย และคาดว่าหมอกควันไฟป่าอาจส่งผลกระทบไปถึงจังหวัดใกล้เคียง ขึ้นอยู่กับทิศทางลม
เดือนที่แล้ว สถานศึกษาเกือบ 300 แห่งในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และอีกกว่า 2,000 แห่งทั่วมาเลเซียต้องปิดการเรียนการสอนชั่วคราว หลังหมอกควันไฟป่าจากแดนอิเหนาทำคุณภาพอากาศย่ำแย่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และได้กลายเป็นชนวนข้อพิพาทการทูตระหว่าง 2 เพื่อนบ้าน
สำนักข่าวอันตารารายงานว่า เมืองปาเลมบังซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดสุมาตราใต้ได้สั่งปิดโรงเรียน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (14) และอาจขยายเวลาออกไปอีกหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น
ประชาชนได้รับคำแนะนำให้สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาเมื่ออยู่นอกบ้าน ขณะที่หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์จาการ์ตาโพสต์ฉบับวันนี้ (15) ลงภาพถ่ายท้องฟ้าเมืองปาเลมบังซึ่งถูกปกคลุมด้วยหมอกควันสีเหลืองหนาทึบ
เมืองจัมบีบนเกาะสุมาตราก็ได้สั่งปิดโรงเรียนอนุบาลทุกแห่งเป็นเวลา 3 วันเช่นกัน
รัฐบาลอิเหนาได้ระดมเจ้าหน้าที่ความมั่นคงหลายพันนายและเครื่องบินทิ้งน้ำเข้าสกัดไฟป่า และใช้เทคนิคการทำฝนเทียมที่เรียกว่า ‘cloud seeding’ เพื่อกระตุ้นให้ฝนตก
สำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติอินโดนีเซียคาดว่า สถานการณ์ไฟป่าซึ่งเผาผลาญพื้นที่ป่าไปแล้วกว่า 3,200 ตารางกิโลเมตรจะเริ่มคลี่คลายอย่างเป็นรูปธรรมเมื่อย่างเข้าสู่ฤดูฝนในเดือนนี้
