เอเจนซีส์ – ตำรวจฮ่องกงยิงแก๊สน้ำตาสกัดผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยนับหมื่นที่สวมหน้ากากออกมาชุมนุมท้าทายมาตรการแบนของรัฐบาลในวันอาทิตย์ (6 ต.ค.) หลังจากศาลไม่รับคำร้องให้ระงับกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินของทางการ ขณะที่ผู้นำรัฐบาลประกาศพร้อมออกกฎหมายใหม่หากความรุนแรงยังไม่ยุติ และตำรวจเตือนว่า จะเริ่มปฏิบัติการสลายการชุมนุมในไม่ช้า โดยแนะนำให้ประชาชนงดออกจากบ้านและปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนา
ฝูงชนเดินขบวนโดยไม่ได้รับอนุญาตฝ่าสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทั้งสองฝั่งของวิกตอเรียฮาร์เบอร์เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ และไม่นานหลังจากนั้นเกิดการปะทะระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจที่ยิงแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมที่ปิดกั้นถนนในอย่างน้อย 3 จุด
ตำรวจประกาศว่า ผู้ประท้วงกำลังร่วมการชุมนุมผิดกฎหมาย ปิดกั้นถนนสำคัญหลายสาย และเตือนว่า เจ้าหน้าที่จะเริ่มปฏิบัติการสลายการชุมนุมในฮ่องกงในไม่ช้า และสั่งให้ผู้ประท้วงออกจากที่ชุมนุมทันที ส่วนประชาชนทั่วไปได้รับคำแนะนำให้งดออกจากบ้านและปิดประตูหน้าต่างให้แน่นหนา
ม็อบฮ่องกงตระเวนทำลายสถานีรถไฟใต้ดินบางแห่งและร้านค้ามากมาย หลังจากเมื่อวันศุกร์ (4 ต.ค.) แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง บังคับใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินครั้งแรกในรอบกว่า 50 ปี ห้ามผู้ประท้วงสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าในการชุมนุม ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 1 ปี พร้อมเตือนว่า อาจใช้อำนาจนี้ออกกฎหมายเพิ่มเติมหากบ้านเมืองยังไร้ความสงบ
ช่วงเช้าวันอาทิตย์ สมาชิกรัฐสภาฝ่ายเรียกร้องประชาธิปไตย ได้เดินทางไปยังศาลสูงเพื่อขอคำสั่งฉุกเฉินให้ระงับมาตรการแบนดังกล่าว โดยอ้างว่า รัฐบาลไม่ได้ขอความเห็นชอบจากสภา อีกทั้งขัดต่อรัฐธรรมนูญของฮ่องกง แต่ผู้พิพากษาอาวุโสไม่รับคำร้อง
บรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาลฮ่องกงและปักกิ่งเห็นด้วยกับการงัดกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉินมาใช้ แต่ผู้ประท้วงโจมตีว่า กฎหมายดังกล่าวกำลังจะทำให้ฮ่องกงกลายเป็นรัฐเผด็จการ นอกจากนั้นคำสั่งห้ามสวมหน้ากากยังไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์สงบลง ซ้ำร้ายยังกลายเป็นการเรียกแขกดึงดูดประชาชนออกไปชุมนุมมากขึ้น
การประท้วงในฮ่องกงที่ดำเนินต่อเนื่องสุดสัปดาห์ที่ 18 ท่ามกลางบรรยากาศความโกรธขึ้งที่เพิ่มขึ้นต่อการปกครองของปักกิ่งและมาตรการรับมือผู้ประท้วงของตำรวจฮ่องกง
เหตุการณ์ปะทะรุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันอังคาร (1 ต.ค.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยในวันนั้นมีเด็กชายวัยรุ่นคนหนึ่งใช้ท่อนเหล็กตีตำรวจจึงถูกยิงสวนในระยะประชิดเข้าที่หน้าอกได้รับบาดเจ็บ
คืนวันศุกร์มีเด็กชายวัย 14 ปีอีกคนถูกยิงได้รับบาดเจ็บที่ขา โดยตำรวจนอกเครื่องแบบที่ป้องกันตัวเพราะถูกม็อบล้อม และคืนนั้นมีการประท้วงรุนแรงกระจายในหลายจุด สถานีรถไฟใต้ดินและธุรกิจที่มีสายสัมพันธ์กับปักกิ่งถูกโจมตี
ระบบรถไฟใต้ดินที่รับส่งผู้โดยสารวันละ 4 ล้านคน ต้องปิดให้บริการทั้งหมดตั้งแต่คืนวันศุกร์และตลอดวันเสาร์ (5 ต.ค.) ทำให้หลายพื้นที่บนเกาะศูนย์กลางทางการเงินแห่งนี้กลายเป็นอัมพาต
สำหรับในวันอาทิตย์ ผู้ดำเนินการรถไฟใต้ดินเผยว่า สถานี 45 แห่งจะเปิดให้บริการ ส่วนอีก 48 แห่งปิดเพื่อซ่อมแซม และจะลดเวลาการให้บริการลงกว่า 3 ชั่วโมง โดยปิดในเวลา 21.00 น.
เมื่อวันเสาร์ผู้ประท้วงสวมหน้ากากนับพันคนยังคงไปชุมนุมกันบนถนนท้าทายคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งวันเดียวกันนั้น มีการนำเทปคำปราศรัยของลัมออกเผยแพร่ ซึ่งระบุว่า เหตุการณ์รุนแรงเมื่อคืนวันศุกร์เป็นเครื่องยืนยันความชอบธรรมในการใช้กฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ลัมยังกล่าวว่า รัฐบาลไม่สามารถปล่อยให้ผู้ก่อจลาจลทำลายประเทศอีกต่อไป และพร้อมออกคำสั่งเพิ่มหากความรุนแรงยังไม่ยุติลง
แมทธิว เฉิง หัวหน้าคณะรัฐมนตรีฮ่องกง เขียนบนบล็อกส่วนตัวในวันอาทิตย์ว่า สถานการณ์ล่อแหลมในปัจจุบันซึ่งเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของประชาชน ทำให้รัฐบาลไม่มีมาตรการรับมือที่ทันกาลนอกจากคำสั่งห้ามสวมหน้ากาก และเรียกร้องให้ประชาชนต่อต้านการใช้ความรุนแรง
ทางด้านพอล ชาน รัฐมนตรีคลังฮ่องกง เขียนในบล็อกส่วนตัวว่า ระบบการธนาคารของฮ่องกงยังคงเข้มแข็ง และตลาดการเงินดำเนินการได้ตามปกติ พร้อมยืนยันว่า จะไม่มีการใช้มาตรการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยน
ทั้งนี้ ผู้ประท้วงพุ่งเป้าโจมตีธนาคารใหญ่สุดของจีนบางแห่ง เช่น ทำลายตู้เอทีเอ็มของแบงก์ ออฟ ไชน่าในฮ่องกง แต่ไม่แตะต้องตู้เอทีเอ็มของสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดที่อยู่ใกล้เคียง
การแสดงความเห็นของชานมีขึ้นหลังจากธนาคารกลางฮ่องกงระบุว่า ตู้เอทีเอ็ม 5% ไม่สามารถเบิกถอนเงินสดได้เนื่องจากปัญหาหลายอย่าง ขณะที่สมาคมธนาคารฮ่องกงแถลงประณามการใช้ความรุนแรงซึ่งสร้างความเสียหายอย่างหนักต่อสาขาและตู้เอทีเอ็มของธนาคารบางแห่ง