เอเอฟพี/เอเจนซีส์ – สหประชาชาติออกแถลงการณ์ล่าสุดวันเสาร์(5 ต.ค)เรียกร้องให้ความรุนแรงในอิรักต้องยุติหลังการประท้วงที่เริ่มต้นมาเมื่อวันอังคาร(1 ต.ค)มีผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 99 รายเป็นอย่างน้อย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 4,000 ราย
เอเอฟพีรายงานในวันเสาร์(5 ต.ค)ว่า อ้างอิงจากคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนประจำรัฐสภาอิรักพบว่า มียอดผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ที่ 99 รายเป็นอย่างน้อย และผู้ได้รับบาดเจ็บอีกเกือบ 4,000 รายนับตั้งแต่การประท้วงเริ่มต้นขึ้นที่กรุงแบกแดดวันอังคาร(1)ก่อนที่จะลุกลามไปทางภาคใต้ของประเทศ
ผู้ประท้วงส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุน้อยและเป็นชายต่างยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองหรือศาสนาใดๆ
ล่าสุดวันเสาร์(5)การประท้วงที่เมืองนาสิริยาห์( Nasiriyah) ทางใต้ของอิรักพบกลุ่มผู้ประท้วงทำการจุดไฟเผาสำนักงานใหญ่ 6 แห่งของพรรคการเมืองอิรักที่ต่างกันไป
และอีกจำนวนหลายพันคนเดินหน้าไปยังสถานที่อยู่ในการควบคุมของผู้ว่าราชการจังหวัดในดิวานิยาห์(Diwaniyah) โดยทางนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่ามีเสียงปืนดังเกิดขึ้น
คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนประจำรัฐสภาอิรักระบุว่า คนส่วนใหญ่ที่เสียชีวิตในช่วง 5 วันนั้นเกิดขึ้นที่เมืองหลวง *** และมีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการถูกยิงโดยมือปืนสไนเปอร์มีจำนวน 250 คนในกรุงแบกแดดเช่นกัน ***
โดยทางคณะกรรมาธิการออกแถลงการณ์เรียกร้องว่า “ทางเราต้องการคำอธิบายจากรัฐบาลอิรักถึงกลุ่มผู้บาดเจ็บจากการถูกยิงโดยมือสไนเปอร์ในกรุงแบกแดดที่ยังคงเกิดขึ้นในวันนี้”
ในขณะที่สหประชาชาติออกมาเรียกร้องในวันเสาร์(5)ให้ความรุนแรงในอิรักต้องยุติลง บีบีซี สื่ออังกฤษ รายงานว่า เจนีน เฮนนิส-พลาสส์แชร์ต(Jeanine Hennis-Plasschaert) หัวหน้าภารกิจช่วยเหลือของสหประชาชาติในอิรัก กล่าวว่า “5 วันของความตายและบาดเจ็บ สิ่งนี้ต้องหยุดลง” พร้อมยืนยันว่าใครก็ตามที่อยู่เบื้องหลังต้องถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการทางยุติธรรม
โดยในวันเสาร์(5) กองกำลังความมั่นคงอิรักเข้าสลายการประท้วงจำนวนมหาศาลทางตะวันออกของกรุงแบกแดด ในขณะที่คำสั่งเคอร์ฟิวในช่วงเวลากลางวันได้ถูกประกาศยกเลิก แต่ทว่าที่จัตุรัสทาห์รีร์กลางกรุงแบกแดดถูกกั้นห้ามเข้า ส่วนการประชุมฉุกเฉินของรัฐสภาอิรักล้มในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน(5) และมีสถานีโทรทัศน์ต่างๆรวมไปถึงในส่วนที่ซาอุฯเป็นเจ้าของ “อัล อาราบิยา” ถูกโจมตี
เอเอฟพีชี้ว่า เป็นความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาจากการประท้วงเรียกร้องให้มีการจ้างงานและระบบให้บริการที่ดีขึ้น ทั้งนี้พบว่าอัตราการว่างงานในกลุ่มเยาวชนอิรักอยู่ที่ 25% ถือว่าสูงถึงเป็น 2 เท่า อ้างอิงจากเวิลด์แบงก์ และมีราว 22.5% ของจำนวนประชากรทั้งหมดที่ต่ำกว่า 40 ล้านคนของอิรักอยู่ในความยากจนในปี 2014
