เอเอฟพี – รัสเซียอาจมีชื่อเสียงในฐานะประเทศคนดื่มหนัก แต่รายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่เผยแพร่ในวันนี้ (1) เผยให้เห็นว่า การบริโภคแอลกอฮอล์ที่นี่ลดลงถึง 43 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี 2013
WHO มองว่าตัวเลขที่ลดลงนี้เป็นผลมาจากมาตรการชุดหนึ่งที่ออกมาภายใต้ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ผู้รักการกีฬา รวมถึงการควบคุมการขายแอลกอฮอล์และการส่งเสริมวิถีชีวิตสุขภาพดี
“สหพันธรัฐรัสเซียถูกพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ดื่มหนักที่สุดในโลกมานาน” รายงาน ระบุ และเสริมว่า แอลกอฮอล์เป็นสาเหตุหลักของตัวเลขการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990
“อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงไม่กี่ปีมานี้ แนวโน้มดังกล่าวเปลี่ยนแปลงในทางตรงกันข้าม”
งานวิจัยเผยให้เห็น การดื่มแอลกอฮอล์ต่อหัวลดลง 43 เปอร์เซ็นต์จากปี 2003-2016 เป็นผลมาจากการบริโภคแอลกอฮอล์เถื่อนที่ลดลงน้อยอย่างมาก
ผู้เขียน ระบุว่า แนวโน้มนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้อายุขัยโดยเฉลี่ยมากขึ้น ซึ่งทะยานขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2018 โดยผู้หญิงอยู่ที่ 78 ปี ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 68 ปี ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 อายุขัยโดยเฉลี่ยของผู้ชายอยู่ที่ 57 ปีเท่านั้น
อดีตผู้นำโซเวียต มีฮาอิล กอร์บาชอฟ เริ่มการรณรงค์ต่อต้านแอลกอฮอล์ด้วยการห้ามเป็นบางส่วน ซึ่งทำให้การบริโภคลดลงตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 จนถึง 1990
แต่หลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต การบริโภคแอลกอฮอล์กลับพุ่งสูงอีกครั้ง และเพิ่มเรื่อยมาจนกระทั่งเข้าสู่ทศวรรษ 2000
ภายใต้ปูติน รัสเซียใช้มาตรการหลายอย่าง รวมถึง การการห้ามร้านค้าขายแอลกอฮอล์ชนิดใดก็ตามหลังเวลา 23.00 น. และเพิ่มราคาค้าปลีกขั้นต่ำของแอลกอฮอล์และการเซ็นเซอร์โฆษณา
ตัวเลขก่อนหน้านี้ของ WHO เผยให้เห็นว่า ตอนนี้ผู้ใหญ่ชาวรัสเซียดื่มแอลกอฮอล์น้อยกว่าผู้ใหญ่ชาวฝรั่งเศสและชาวเยอรมนี
มอสโกยังเริ่มความพยายามต่อต้านการสูบบุหรี่ด้วย โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้ประกาศแบนการสูบบุหรี่แม้กระทั่งที่ระเบียงส่วนตัว
การใช้ยาสูบลดลงกว่า 1 ใน 5 ระหว่างปี 2009-2016 เหลือเพียง 30 เปอร์เซ็นต์ของชาวรัสเซียที่สูบบุหรี่ อ้างจากรายงาน Global Adult Tobacco Survey ฉบับล่าสุด