รอยเตอร์ – กลุ่มผู้ประท้วงฮ่องกงในชุดดำหลายพันคนออกเดินขบวนตามถนนเส้นต่างๆใกล้กับฮับเศรษฐกิจของเกาะในวันอังคาร(1 ต.ค) ซึ่งเป็นวันก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน ท้าทายคำสั่งห้ามของรัฐบาลฮ่องกงท่ามกลางการปิดตัวของห้างร้านและมีการตั้งเครื่องกีดขวางที่หวั่นว่าอาจมีการเกิดจลาจล
รอยเตอร์รายงานวันนี้(1 ต.ค)ว่า กลุ่มผู้ประท้วงชาวฮ่องกงต่างประกาศที่จะใช้วันฉลองครบรอบ 70 ปีของการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนวันอังคาร(1)ด้วยการเรียกร้องให้มีประชาธิปไตยมากขึ้นบนเกาะฮ่องกงในระดับระหว่างประเทศ แย่งโอกาสที่รัฐบาลปักกิ่งจะใช้เพื่อแสดงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจและทหาร
เจ้าหน้าที่ฮ่องกงไม่อนุญาตให้มีการจัดการเดินขบวน แต่พบว่าชาวฮ่องกงยังคงท้าทายออกมาทั่วทั้งเกาะ เดินขบวนบนถนนใกล้ย่านศูนย์กลางทางการเงินของเกาะฮ่องกง ทั่วทั้งอ่าวในเขตเกาลูนและในเขตนิว ทอริทอรีย์ส (New Territories)เพิ่มความกดดันให้กับแหล่งข่าวตำรวจ
ผู้ประท้วงหลายพันคนได้เริ่มต้นเดินขบวนจากคอสเวย์ เบย์(Causeway Bay) มุ่งหน้าไปยังที่ตั้งสำนักงานใหญ่รัฐบาลฮ่องกงในเขตแอดมิรัลตี (Admiralty) ในขณะที่ความตรึงเครียดได้เริ่มต้นขึ้นในย่านประชาชนพักอาศัยที่หว่องไท่ซิน(Wong Tai Sin)ที่ซึ่งตำรวจฮ่องกงยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงบริเวณด้านนอกวัดหว่องไท่ซิน
ด้านนักศึกษาฮ่องกงที่ให้ชื่อว่า “เขียว” กล่าวเปิดใจกับรอยเตอร์บริเวณด้านนอกวัดแชกง(Che Kung Temple)ในเขตนิว ทอริทอรีย์ส(New Territories)ว่า “ผมขอที่จะตายมากกว่าที่จะอยู่โดยไม่มีเสรีภาพ”
ตำรวจฮ่องกงกล่าวในวันจันทร์(30 ก.ย)ว่า ทางตำรวจคาดว่าอาจมีการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้นในเมืองแต่ไม่ได้เปิดเผยในรายละเอียด ซึ่งในคืนวันจันทร์(30 ก.ย)พบมีการจับกุมเกิดขึ้น 5 คนที่ประกอบไปด้วยอายุระหว่าง 17 ปี – 25 ปีที่ย่านหว่านไจ๋(Wan Chai)หลังตำรวจพบคนเหล่านี้มีวิทยุสื่อสาร ไฟแช็ก และวัตถุสำหรับระเบิดเพลิงรวมไปถุงเชื้อเพลิง 18 ลิตรและขวดเปล่า
รอยเตอร์รายงานว่า กลุ่มผู้ประท้วงตะโกน “ไม่มีการฉลองวันชาติ มีแต่วันไว้ทุกข์แห่งชาติ” พร้อมกับเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวผู้ที่ถูกจับกุมในการปะทะเมื่อไม่นานมานี้ ตำรวจฮ่องกงพ่นสเปรย์พริกไทยระหว่างการชกต่อยที่ด้านนอกสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้เคียง
ทั้งนี้พบว่าบริษัทรถไฟใต้ดินฮ่องกง MRT ปิดให้บริการในสถานีที่ล่อแหลม ซึ่งก่อนหน้าผู้ว่าการเกาะฮ่องกงแครี แลม ได้สั่งยกเลิกการเฉลิมแลองจุดพลุดอกไม้ไฟฉลองวันชาติจีนที่อ่าววิคตอเรีย อ้างความปลอดภัยทางสาธารณะเป็นหลัก
