เอเจนซีส์ - เมื่อวานนี้(25 ก.ย)ผู้นำสหรัฐฯยอมเปิดเผยบันทึกการสนทนากับผู้นำยูเครนนาน 30 นาทีหลังจากที่ประธานสภาสหรัฐฯ แนนซี เพโลซี ได้ประกาศสอบสวนการถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง พบทรัมป์กดดันประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี ให้เปิดการสอบสวนโจ ไบเดน
หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่ออังกฤษ รายงานวันนี้(26 ก.ย)ว่า ในบันทึกการสนทนาที่ถูกดัดแปลงจำนวน 5 นายที่ถูกเผยแพร่ออกมาจากทำเนียบขาวในวันพุธ(25)พบว่า ในช่วงเวลา 30 นาทีที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้พูดคุยกับผู้นำยูเครนคนใหม่ โวโลดีมีร์ เซเลนสกี พบว่าทรัมป์ได้พยายามกดดันให้ผู้นำยูเครนทำงานกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯในการสอบสวนคู่แข่งทางการเมือง อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดน
ทางเดโมแครตที่มีแนนซี เพโลซี นั่งทำหน้าที่เป็นประธานสภาคองเกรสได้กล่าวหาทรัมป์ว่า ทรยศจากชาติโดยอ้างจากเนื้อหาบันทึกการสนทนาจำนวน 5 หน้า และเป็นสิ่งที่สมควรที่ได้เปิดการสอบสวนถอดถอนทรัมป์ออกจากตำแหน่ง
ในขณะที่ฝ่ายพรรครีพับลิกันกลับชี้ว่าหลักฐาน 5 หน้านี้ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลประโยชน์ต่างตอบแทนแต่เป็นความพยายามที่จะพิสูจน์ให้พ้นมลทิน
การเปิดเผยบันทึกสนทนามีขึ้น 1 วันหลังจากเพโลซีได้ประกาศให้มีการสอบสวนถอดถอนอย่างเป็นทางการหลังจากคำร้องเรียนของนักแฉจากชุมชนหน่วยงานข่าวกรองที่ระบุว่าได้มีการละเมิดเกิดขึ้นโดยผู้นำสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้บรรดานักสังเกตการณ์ต่างแปลกใจที่ทำเนียบขาวยอมเปิดเผยบันทึกการสนทนาที่พบว่าผู้นำสหรัฐฯโทรศัพท์จากที่พำนักทำเนียบขาวไปยังเซเลนสกี
NBC NEWS สื่อสหรัฐฯรายงานถึงคำพูดของทรัมป์ว่า ในตอนเริ่มแรกผู้นำสหรัฐฯได้แสดงความยินดีต่อประธานาธิบดียูเครนคนใหม่ที่ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง
และหลังจากนั้นพบว่าทรัมป์ได้วกเข้ามาหาประเด็น “ไบเดน”
“ผมได้ยินว่าคุณมีอัยการที่เก่งมากๆ แต่เขาถูกสั่งให้ออกไปซึ่งนั่นไม่ยุติธรรมเอาซะเลย” ทรัมป์กล่าวในการสนทนา
และผู้นำสหรัฐฯกล่าวต่อว่า “มีการพูดกันมากเกี่ยวกับลูกชายของไบเดน และไบเดนคนนั้นได้เป็นผู้หยุดการดำเนินคดี และมีคนจำนวนมากต้องการอยากรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น ดังนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสามารถที่จะร่วมกับรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ นั่นจะเป็นเรื่องที่วิเศษมาก” หลังจากนั้นเขาขอให้เซเลนสกีทำการตรวจสอบ
ทางผู้นำยูเครนกล่าวว่า “เขากำลังแต่งตั้งอัยการคนใหม่ที่จะเข้าตรวจสอบในเรื่องนี้”
สื่อสหรัฐฯชี้ว่า จากทั้งหมด 5 หน้าพบว่าเป็นแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวที่ทรัมป์เอ่ยถึงไบเดน
แต่ทว่าในการสนทนาพบว่าทรัมป์ได้กล่าวกับผู้นำยูเครนว่า เขาต้องการให้ทนายความส่วนตัวของทรัมป์ รูดี้ จูลีอานี และรัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ วิเลียม บาร์ พูดคุยกับเซเลนสกี แต่ผู้นำยูเครนกล่าวยืนยันว่า เขามีความสามารถที่จะทำให้แน่ใจว่าอัยการคนใหม่ของยูเครน “จะเป็นคนของผม 100%” และ “เขาหรือเธอจะเข้าตรวจสอบถึงเรื่องราวที่ว่านี้” นอกจากนี้ผู้นำยูเครนยังขอให้ทรัมป์ให้ข้อมูลเพิ่มเติม
โดยเขากล่าวยืนยันว่า “มันจะเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน”
ด้านกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯกล่าวแถลงว่า บาร์ได้รู้ถึงเกี่ยวกับโทรศัพท์นี้เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่มีการสนทนาเกิดขึ้นระหว่างผู้นำ 2 ชาติ และหลังจากนั้นสิ่งนี้ได้ถูกส่งมายังกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯแถลงว่า ทรัมป์ยังไม่ได้กล่าวกับบาร์โดยตรงถึงเกี่ยวกับการสอบสวนของยูเครนที่เกี่ยวข้องกับไบเดนหรือบุตรชายของเขาคือ ฮันเตอร์ ไบเดน และทางกระทรวงกล่าวว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้ขอให้บาร์ติดต่อสื่อสารกับยูเครนเกี่ยวกับสิ่งนี้หรือในประเด็นอื่นๆ หรือเขาได้ปรึกษาหารือสิ่งนี้ หรือสิ่งใดๆก็ตามที่เกี่ยวข้องกับยูเครนกับจูลีอานี
และมีอีกประเด็นในการสนทนาที่พบว่าโยงไปหาอดีตคู่แข่ง ฮิลลารี คลินตัน NBC NEWS สื่อสหรัฐฯ รายงานว่า ในระหว่างการพูดคุย ทรัมป์ดูเหมือนจะถามเซเลนสกีว่ามีใครในยูเครนที่อาจมีคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ที่เก็บข้อมูลอีเมลบางส่วนของอดีตคู่แข่ง ฮิลลารี คลินตัน
“ผมอยากจะขอให้คุณช่วยทางเรา เพราะประเทศของเราได้ผ่านมามากและทางยูเครนก็รู้ ผมอยากขอให้คุณช่วยค้นหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ทั้งหมดเกี่ยวกับยูเครน มีคนกล่าวถึง คราวด์สไตค์(CrowdStrike) ...ผมเดาว่าคุณคงมีหนึ่งในบรรดาพวกเศรษฐี...คอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ พวกเขาพูดว่ายูเครนมี” ทรัมป์กล่าวในการสนทนาทางโทรศัพท์อ้างจากบันทึกการสนทนา
และหลังจากนั้นเขากล่าวว่าอยากให้รัฐมนตรีบาร์โทรศัพท์ติดต่อหาเซเลนสกีหรือคนของเขาและต้องการให้เซเลนสกีช่วยขุดคุ้ยเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
ทั้งนี้คราวด์สไตรค์เป็นบริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่ถูกจ้างมาสอบสวนการแฮ็กคอมพิวเตอร์ของฝ่ายบริหารของพรรคเดโมแครต “DNC เดโมแครต” โดยทางบริษัทได้แถลงยืนยันผลการค้นพบที่ได้รับการสนับสนุนจากสำนักงาน FBI สหรัฐฯ