เจ้าชายโมฮัมเหม็ดเปิดปากครั้งแรกกรณี “คาช็อกกี” ทรงขอรับผิดชอบทั้งหมด

รอยเตอร์ – มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ตรัสว่า พระองค์ทรงแบกรับความรับผิดชอบสำหรับการสังหารนักข่าว จามาล คาช็อกกี โดยกลุ่มสายลับซาอุดีอาระเบียเมื่อปีที่แล้ว “เนื่องจากมันเกิดขึ้นภายใต้การการดูแลของพระองค์” อ้างจากภาพยนตร์สารคดีช่องพีบีเอสที่จะออกอากาศในสัปดาห์หน้า

เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน ผู้ปกครองโดยพฤตินัยของราชอาณาจักร ไม่เคยตรัสต่อสาธารณะเรื่องการาสังหารภายในสถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในอิสตันบูลเลย ซีไอเอและรัฐบาลตะวันตก ระบุว่า พระองค์สั่งดำเนินภารกิจนี้ แต่เจ้าหน้าที่ซาอุฯ กล่าวว่า พระองค์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

การเสียชีวิตของคาช็อกกีสร้างความเดือดดาลไปทั่วโลก ทำให้ภาพลักษณ์ของพระองค์แปดเปื้อน และกระทบแผนการที่จะทำให้เศรษฐกิจของผู้ส่งออกน้ำมันอันดับหนึ่งของโลกมีความหลากหลายมากขึ้น และเปิดสังคมศาสนาของซาอุฯ พระองค์ไม่ได้ทรงเยือนสหรัฐฯ หรือยุโรปเลยนับแต่นั้น

“มันเกิดขึ้นภายใต้การดูแลของเรา เรารับความรับผิดชอบทั้งหมด เนื่องจากมันเกิดขึ้นภายใต้สายตาเรา” พระองค์บอกกับ มาร์ติน สมิธ ของช่องพีบีเอส อ้างจากตัวอย่างภาพยนตร์สารคดีดัง “The Crown Prince of Saudi Arabia” ที่จะออกอากาศในวันที่ 1 ตุลาคม ก่อนครบรอบ 1 ปีการเสียชีวิตของคาช็อกกี

หลังจากการปฏิเสธในตอนแรก เจ้าหน้าที่ซาอุฯ ได้หันมาโทษว่าการฆาตกรรมนี้เป็นฝีมือกลุ่มสายลับอันธพาล อัยการสูงสุด ระบุว่า รองผู้อำนวยการข่าวกรองในเวลานั้นสั่งให้นำตัวคาช็อกกี อดีตคนในพระราชวังที่ผันตัวมาเป็นนักวิจารณ์ กลับประเทศ แต่ผู้นำการเจรจาสั่งสังหารเขาหลังจากการชักจูงไม่เป็นผลสำเร็จ

ซาอุด อัลกาห์ตานี อดีตที่ปรึกษาส่วนพระองค์ที่รอยเตอร์รายงานว่า เป็นผู้สั่งมือสังหารผ่านสไกป์ บรรยายสรุปกิจกรรมของคาช็อกกีให้ทีมมือสังหารฟังก่อนที่จะลงมือ อัยการ กล่าว

เมื่อถูกถามว่าการสังหารจะเกิดขึ้นโดยที่พระองค์ไม่รับรู้ได้อย่างไร สมิธ ยกคำตรัสของเจ้าชายโมฮัมเหม็ดมาบอกว่า “เรามีคน 20 ล้านคน เรามีเจ้าหน้าที่รัฐบาล 3 ล้านคน”

สมิธถามว่า ทีมมือสังหารอาจใช้เครื่องส่วนตัวของรัฐบาลหรือไม่ พระองค์ทรงตอบว่า “ผมมีเจ้าหน้าที่และรัฐมนตรีหลายคนดูแลหลายเรื่อง และพวกเขามีความรับผิดชอบ พวกเขามีอำนาจที่จะทำเช่นนั้น” สมิธอธิบายการสนทนาดังกล่าวซึ่งเกิดขึ้นนอกการถ่ายทำในตัวอย่างของภาพยนตร์สารคดี

เมื่อเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่รัฐบาลอาวุโสสหรัฐฯ คนหนึ่ง บอกรอยเตอร์ว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังกดดันริยาดให้แสดง “ความคืบหน้าแบบจับต้องได้” สู่การเอาผิดผู้ที่อยู่เบื้องหลังการสังหารนี้

ผู้ต้องสงสัยชาวซาอุฯ 7 คนถูกสอบสวนในการพิจารณาคดีแบบปิดลับ แต่มีการไต่สวนเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น รายงานยูเอ็นเรียกร้องให้เจ้าชายโมฮัมเหม็ดและเจ้าหน้าที่อาวุโสคนอื่นๆ ถูกสอบสวนด้วย

คาช็อกกี คอลัมนิสต์ของวอชิงตันโพสต์ ถูกพบเห็นครั้งล่าสุดที่สถานกงสุลซาอุดีอาระเบียในนครอิสตันบูลเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่งเขาจะเข้ามารับเอกสารก่อนการแต่งงานของเขา ศพของเขาถูกแยกชิ้นส่วนและนำออกจากอาคาร จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ถูกพบ