รอยเตอร์ - นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน แห่งออสเตรเลียระบุวานนี้ (23 ก.ย.) ว่าระเบียบการค้าโลกในปัจจุบัน “ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์” และสมควรปรับแก้เสียใหม่เพื่อให้สอดคล้องกับสถานะในปัจจุบันของจีนซึ่งสมควรถูกเรียกว่าเป็น “ประเทศพัฒนาแล้ว” (developed economy)
ระหว่างปาฐกถาที่สภากิจการโลกแห่งนครชิคาโก (Chicago Council on Global Affairs) มอร์ริสัน ชี้ว่า ที่ผ่านมาประชาคมโลกติดต่อค้าขายกับจีนเพื่อช่วยให้จีนเติบโต วันนี้จีนซึ่งกลายเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจเบอร์ 2 ของโลกจึงควรสร้างรูปแบบความสัมพันธ์ทางการค้าที่โปร่งใสกับชาติอื่น และมีส่วนร่วมแก้ไขปัญหาความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศมากขึ้นกว่าเดิม
“องค์กรระดับโลกทั้งหลายควรปรับนโยบายที่มีต่อจีนให้สอดรับกับสถานะใหม่นี้” ผู้นำออสซี่กล่าว พร้อมทั้งเรียกจีนว่าเป็น “ประเทศพัฒนาแล้วรายใหม่” (newly developed economy)
“นั่นแปลว่าความคาดหวัง (ที่มีต่อจีน) ก็จะต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดา เหมือนกับประเทศอื่นๆ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่ยืนอยู่ในจุดเดียวกัน”
มอร์ริสัน ย้ำว่า ระเบียบการค้าโลกในปัจจุบัน “ไม่ตอบสนองวัตถุประสงค์” และในหลายๆ กรณีก็ “ถูกออกแบบเพื่อให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจโลกในยุคก่อน ซึ่งไม่มีอีกต่อไปแล้ว”
ตามระเบียบขององค์การการค้าโลก (WTO) การที่จีนถูกเรียกว่าเป็น ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ ทำให้มีสิทธิ์ได้รับการผ่อนปรนหลายอย่าง เช่น ขอต่อเวลาพิเศษในการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาต่างๆ ที่ให้ไว้กับนานาชาติ เป็นต้น
คำพูดของนายกฯ ออสเตรเลียยังเป็นการสนับสนุนข้อเรียกร้องของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ซึ่งพยายามรณรงค์ให้ทั่วโลกเลิกมองจีนเป็นประเทศกำลังพัฒนาเสียที
ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ปี 2018 ว่า จีนเป็น “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่” แต่กลับได้รับผลประโยชน์และสิทธิพิเศษต่างๆ เหนือกว่าสหรัฐฯ
แม้มูลค่าการค้าระหว่างออสเตรเลียกับจีนจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ หลังมีการเซ็นข้อตกลงการค้าเมื่อปี 2015 โดยพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 183,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีที่แล้ว ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกลับยังคงลุ่มๆ ดอนๆ
เมื่อเดือน ธ.ค. ปี 2017 นายกรัฐมนตรี มัลคอล์ม เทิร์นบูลล์ ซึ่งเป็นผู้นำแคนเบอร์ราในขณะนั้นออกมากล่าวหาปักกิ่งว่าแทรกแซงกิจการภายในของออสเตรเลีย หลังจากนั้นรัฐบาลออสซี่ยังห้ามไม่ให้ หัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ยักษ์ใหญ่โทรคมนาคมจีน เข้าร่วมพัฒนาเครือข่าย 5G เมื่อปีที่แล้ว ทำให้สายสัมพันธ์กับแดนมังกรเลวร้ายลงไปอีก
อย่างไรก็ดี มอร์ริสัน ยอมรับว่า ออสเตรเลียและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์กับจีนในรูปแบบที่ต่างกัน เนื่องจากแดนจิงโจ้เป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าปักกิ่ง ขณะที่อเมริกาขาดดุลการค้าจีนอย่างมหาศาล
“การติดต่อสัมพันธ์กับจีนทำให้ประเทศของเราได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง ซึ่งเราก็ต้องการให้เป็นเช่นนี้ต่อไป” ผู้นำออสซี่ กล่าว