xs
xsm
sm
md
lg

ทรัมป์กลับลำบอกยังไม่อยากทำสงคราม ซาอุฯชี้โดรนถล่มโรงกลั่นเป็นของอิหร่าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


รอยเตอร์ – ทรัมป์แสดงความเห็นแบบกลับลำ ระบุยังไม่อยากทำสงคราม แม้ดูเหมือนอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันซาอุฯ ที่ดันให้ราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดและตะวันออกกลางเดือดพล่านอีกครั้ง ด้านปูตินได้โอกาสขายของ เสนอจัดหาระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของซาอุดีอาระเบีย

ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อวันจันทร์ (16 ก.ย.) ว่าอเมริกากำลังตรวจสอบเรื่องอิหร่านอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน 2 แห่งในซาอุดีอาระเบียเมื่อวันเสาร์ (14 ก.ย.) หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ดูเหมือนน่าจะเป็นเช่นนั้น

กระนั้น ทรัมป์ที่พยายามนำอเมริกาออกจากสงครามที่คณะบริหารชุดก่อนๆ ริเริ่มขึ้น ประกาศชัดเจนว่า ไม่ต้องการเข้าสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ในนามของซาอุฯ หลังจากที่เมื่อวันอาทิตย์ (16 ก.ย.) เขาเพิ่งบอกว่า สหรัฐฯ “ล็อกเป้าและบรรจุกระสุนแล้ว” เพื่อตอบโต้ผู้โจมตีซาอุฯ

สมาชิกคณะบริหารสหรัฐฯ หลายคน เช่น ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีพลังงาน ริก เพอร์รี ต่างกล่าวหาว่าอิหร่านเป็นตัวการเรื่องนี้ โดยพอมเพโอและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ จะเดินทางไปซาอุดีอาระเบียเร็วๆ นี้

ทางด้านประธานาธิบดี ฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน ระบุว่า “ชาวเยเมน” คือผู้โจมตีเพื่อแก้แค้นกลุ่มพันธมิตรทางทหารที่นำโดยริยาด ซึ่งทำสงครามกับกลุ่มกบฏฮูตีในเยเมน

การโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯ ทำให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของโลกขาดหายไป 5% และดันราคาน้ำมันพุ่งขึ้น 19% ในวันจันทร์ ซึ่งถือเป็นการทะยานขึ้นแรงสุดภายในวันเดียวนับจากวิกฤตสงครามอ่าวในปี 1990-1991 ที่อิรักบุกคูเวต

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันขยับลงหลังจากที่ทรัมป์ประกาศว่า อนุญาตให้อเมริกานำน้ำมันสำรองเชิงกลยุทธ์ออกมาใช้ได้ถ้าจำเป็น และบรรดาผู้ผลิตยืนยันว่า ทั่วโลกยังมีสต็อกน้ำมันเพียงพอชดเชยส่วนที่ขาดหายไปในครั้งนี้

ในส่วนซาอุดีอาระเบียนั้นกล่าวว่า อาวุธที่ใช้ในการโจมตีเป็นอาวุธของอิหร่าน และเรียกร้องให้ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ช่วยสอบสวน โดยมกุฎราชกุมาร โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน กล่าวว่า อิหร่านไม่ได้แค่คุกคามโดยตรงต่อริยาด แต่ยังรวมถึงตะวันออกกลางและทั่วโลก

แม้เจ้าชายโมฮัมเหม็ดไม่ได้กล่าวหาอิหร่านโดยตรง แต่กระทรวงต่างประเทศซาอุฯ แถลงว่า เจ้าชายรัชทายาทเรียกร้องให้นานาชาติประณามผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตี พร้อมประกาศว่าริยาดสามารถปกป้องแผ่นดินและประชาชน รวมทั้งตอบโต้การโจมตีเหล่านั้นอย่างรุนแรง

มาร์ติน กริฟฟิธส์ ผู้แทนของเยเมนในยูเอ็น กล่าวต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นว่า ขณะนี้ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของซาอุฯ แต่เหตุการณ์นี้จะเพิ่มโอกาสที่ความขัดแย้งในตะวันออกกลางจะทวีความรุนแรงขึ้น

เคลลี คราฟต์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำยูเอ็น ยืนยันว่า ข้อมูลที่ปรากฏบ่งชี้ว่าอิหร่านอยู่เบื้องหลัง และไม่มีหลักฐานว่าต้นทางการโจมตีมาจากเยเมนอย่างที่กลุ่มฮูตีอ้าง

ด้านยาห์ยา ซาเรีย โฆษกของกองทัพฮูตี ยืนยันว่า ฮูตีเป็นผู้ลงมือโจมตีด้วยโดรน ซึ่งมีบางลำใช้เครื่องยนต์ของเครื่องบิน และสำทับว่าอาวุธของกลุ่มสามารถโจมตีทุกที่และทุกเวลาในซาอุฯ ทั้งยังเตือนบริษัทต่างๆ และชาวต่างชาติที่อยู่ใกล้โรงกลั่นน้ำมันสองแห่งที่ถูกโจมตีเมื่อเช้าวันเสาร์ว่า พื้นที่บริเวณนั้นยังคงเป็นเป้าหมายของกลุ่ม

อิหร่านและซาอุฯ เป็นศัตรูกันมาหลายสิบปี และกำลังต่อสู้กันในสงครามตัวแทนหลายสนามรบ ซึ่งรวมถึงเยเมนที่เตหะรานให้การสนับสนุนกลุ่มฮูตี

ทรัมป์สำทับว่า ไม่ได้ให้คำมั่นในการปกป้องซาอุฯ แต่แน่นอนว่า อเมริกาจะให้ความช่วยเหลือริยาด

สถานการณ์ในอ่าวเปอร์เซียตึงเครียดขึ้นอย่างชัดเจนหลังจากทรัมป์ฉีกข้อตกลงนิวเคลียร์และฟื้นมาตรการแซงก์ชันอิหร่านเพื่อสกัดการส่งออกน้ำมัน

ช่วงหลายเดือนมานี้ เจ้าหน้าที่อิหร่านออกมาขู่ว่า ถ้าเตหะรานส่งออกน้ำมันไม่ได้ ประเทศอื่นๆ จะส่งออกไม่ได้เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม อิหร่านปฏิเสธว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการโจมตีต่างๆ ซึ่งรวมถึงการระเบิดเรือบรรทุกน้ำมันในอ่าวเปอร์เซีย และการโจมตีหลายครั้งก่อนหน้านี้ที่ฮูตีอ้างความรับผิดชอบ

ทรัมป์ระบุว่า เป้าหมายในการใช้ความกดดันสูงสุดคือ บังคับให้เตหะรานเจรจาข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เข้มงวดขึ้น และยังเปิดช่องทางในการเจรจากับรูฮานีระหว่างการประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นในสัปดาห์หน้าที่นิวยอร์ก แต่อิหร่านยืนกรานว่าจะไม่มีการหารือจนกว่าวอชิงตันจะยกเลิกมาตรการแซงก์ชัน

ขณะเดียวกัน การโจมตีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดซาอุฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศที่จัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์มากที่สุดในโลก และอาวุธจำนวนมากสั่งซื้อจากบริษัทอเมริกันนั้น จึงไม่สามารถปกป้องโรงงานน้ำมันของตนเองได้

ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน ได้โอกาสขายของ โดยเสนอให้ความช่วยเหลือริยาดด้วยการจัดหาระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียเพื่อปกป้องโครงสร้างพื้นฐานของซาอุดีอาระเบีย

รัสเซียและจีนต่างเห็นว่า ไม่ควรด่วนสรุปว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีในซาอุฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น