เอเจนซีส์ – ตำรวจฮ่องกงยิงแก๊ซน้ำตาและฉีดน้ำสกัดกลุ่มผู้ประท้วงหัวรุนแรงที่ขว้างก้อนอิฐและระเบิดขวดในวันอาทิตย์ (15 ก.ย.) นอกจากนั้นยังมีการไปชุมนุมหน้าสถานกงสุลอังกฤษ เรียกร้องให้ลอนดอนขัดขวางจีน
ในวันอาทิตย์ ชาวฮ่องกงหลายหมื่นคนเพิกเฉยต่อคำสั่งห้ามของทางการ และพากันเดินขบวนอย่างสงบไปตามถนนสายต่างๆ แต่ต่อมากลับเกิดเหตุการณ์รุนแรงเมื่อตำรวจปราบจลาจลปะทะกับผู้ประท้วงหัวรุนแรงกลุ่มเล็กๆ ในช่วงบ่าย
ตำรวจใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงและแก๊สน้ำตาสลายผู้ชุมนุมที่ขว้างระเบิดขวดและก้อนอิฐใกล้อาคารรัฐสภาและหน่วยงานราชการหลายแห่ง โดยมีรายงานระบุว่า ผู้ประท้วงบางคนขว้างก้อนอิฐใส่ตำรวจด้านหน้าศูนย์บัญชาการกองกำลังปลดปล่อยประชาชนจีน รวมทั้งดึงป้ายประกาศงานฉลอง 70 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 1 เดือนหน้าลงมาเผาทิ้ง
เครื่องฉีดน้ำเครื่องหนึ่งไฟลุกไหม้หลังถูกขว้างด้วยระเบิดขวด และตำรวจประกาศเตือนผู้ประท้วงให้ยุติการกระทำผิดกฎหมายและสลายการชุมนุมทันที
ฮ่องกงเผชิญวิกฤตการเมืองรุนแรงมากว่า 3 เดือน เนื่องจากประชาชนไม่พอใจที่ปักกิ่งพยายามแทรกแซงกิจการภายในของเกาะทั้งที่สัญญาว่า จะให้อำนาจปกครองตนเอง
หลายสัปดาห์ที่ผ่านมา การชุมนุมกลายเป็นความรุนแรงโดยผู้ประท้วงชวนกันก่อกวนและทำลายสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง จุดไฟเผาบนถนน และตำรวจต้องตอบโต้ด้วยแก๊ซน้ำตา กระสุนยาง และเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง
ชนวนเหตุของการประท้วงคือร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ล่าสุดรัฐบาลฮ่องกงยอมประกาศล้มเลิกเป็นการถาวร แต่ผู้ประท้วงอ้างว่าสายเกินไป และการประท้วงลุกลามเป็นการเรียกร้องการเลือกตั้งผู้นำในระบอบประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ผู้ประท้วงหลายร้อยคนไปชุมนุมอย่างสงบหน้าสถานกงสุลอังกฤษเรียกร้องให้ลอนดอนขัดขวางจีน
แถลงการณ์ร่วมระหว่างอังกฤษกับจีนที่ลงนามในปี 1984 กำหนดอนาคตของฮ่องกงหลังกลับคืนสู่จีนในปี 1997 โดยระบุให้อยู่ภายใต้หลักการหนึ่งประเทศ-สองระบบ เพื่อรับประกันสิทธิเสรีภาพของชาวฮ่องกง
จีนยืนกรานว่า ยังยึดถือหลักการดังกล่าว พร้อมปฏิเสธว่า ไม่ได้ก้าวก่ายฮ่องกง แต่ขณะเดียวกันก็ย้ำว่า เกาะแห่งนี้เป็นกิจการภายในของตนเอง
ปักกิ่งกล่าวหามหาอำนาจ โดยเฉพาะอเมริกาและอังกฤษ ปลุกปั่นผู้ประท้วงฮ่องกง และเรียกร้องให้สองชาติกลับไปใส่ใจกิจการของตัวเอง ด้านอังกฤษโต้ว่า ตนเองมีความรับผิดชอบทางกฎหมายในการทำให้จีนปฏิบัติตามแถลงการณ์ร่วมปี 1984
เกาะฮ่องกงถูกยกให้อังกฤษ “เป็นการถาวร” ในปี 1842 หลังสิ้นสุดสงครามฝิ่นครั้งแรก ส่วนเกาลูนตกเป็นของอังกฤษในสงครามฝิ่นครั้งที่สอง และอาณานิคมนี้ยังขยายครอบคลุมบริเวณดินแดนใหม่ถึงทางเหนือของเกาลูนภายใต้สัญญาเช่า 99 ปีในปี 1898 จากนั้นอังกฤษส่งมอบดินแดนทั้งหมดนี้คืนให้จีนในปี 1997 โดยที่ปักกิ่งไม่เคยยอมรับ “สนธิสัญญาที่ไม่เท่าเทียม” ดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ลอนดอนสามารถหรือต้องการทำอย่างไรเพื่อปกป้องหลักการหนึ่งประเทศ-สองระบบ เนื่องจากต้องฝากความหวังกับความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนกับจีน ซึ่งขณะนี้กลายมาเป็นประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะที่ตนเองกำลังจะถอนตัวจากสหภาพยุโรป (อียู) สิ้นเดือนตุลาคมนี้