รอยเตอร์ – ทางการสเปนสั่งอพยพประชาชนราว 3,500 คน หลังฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง 2 วันทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในภาคตะวันออกเฉียงใต้ ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 5 คน ขณะที่ถนนหลายสายถูกน้ำท่วมจนรถยนต์สัญจรไม่ได้ ส่วนรถไฟและสนามบินต้องปิดทำการวานนี้ (13 ก.ย.)
รถยนต์หลายคันถูกกระแสน้ำพัดพาไปที่แคว้นบาเลนเซีย, แคว้นมูร์เซีย และฝั่งตะวันออกของแคว้นอันดาลูซิอา ขณะที่อุโมงค์มอเตอร์เวย์บางแห่งมีน้ำท่วมสูงจนเกือบถึงไฟส่องสว่างบนเพดาน
เจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่า ชายคนหนึ่งซึ่งเดินหายออกไปจากบ้านเมื่อวันศุกร์ (13) ถูกพบกลายเป็นศพอยู่ที่หมู่บ้านรีโดบานในแคว้นบาเลนเซีย และยังพบผู้เสียชีวิตรายที่สองในเมืองกรานาดา (Granada) หลังจากรถยนต์ของผู้ตายถูกกระแสน้ำพัดตกจากมอเตอร์เวย์ ส่วนเหยื่อรายที่ 3 เป็นชายซึ่งพยายามขับรถฝ่าอุโมงค์ที่น้ำท่วมในเมืองอัลเมรีอา (Almeria)
ผู้เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นพี่น้องซึ่งประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะที่เกิดฝนตกหนักเมื่อวันพฤหัสบดี (12)
เฟอร์นันโด กรานเด มาร์ลัสกา รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยสเปน ยอมรับว่าอุทกภัยครั้งนี้ถือเป็น “โศกนาฏกรรม” ครั้งใหญ่ของประเทศ โดยล่าสุดต้องมีการปิดถนนรวมทั้งสิ้น 74 สาย รวมถึงสนามบินและรถไฟทั้งระบบในแคว้นมูร์เซีย ส่วนรถไฟที่เชื่อมระหว่างเมืองอาลิกันเต (Alicante) กับมาดริดและบาร์เซโลนาก็ต้องหยุดให้บริการเช่นกัน
พื้นที่ประสบภัยบางแห่งมีฝนตกมากสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับเดือน ก.ย. และยังคงมีน้ำท่วมสูงตลอดวานนี้ (13)
อาสาสมัครกู้ภัยและทหารกว่า 1,500 นายได้ใช้เฮลิคอปเตอร์และเรือเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนที่ยังติดอยู่ตามบ้านเรือน
นอกจากประชาชน 1,500 คนที่อพยพล่วงหน้าแล้ว ยังมีชาวบ้านอีก 2,000 คนถูกสั่งให้ละทิ้งบ้านเรือนในเมืองซานโตเมรา (Santomera) แคว้นมูร์เซีย เนื่องจากทางการจำเป็นต้องเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อนแห่งหนึ่ง
เจ้าหน้าที่แนะนำให้ผู้ประสบภัยอยู่แต่ในบ้าน และหลีกเลี่ยงการใช้รถยนต์
นักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งยังคงตกค้างอยู่ที่สนามบินอาลิกันเต เนื่องจากเที่ยวบินล่าช้าหรือถูกยกเลิก
“เราต่อคิวมาแล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมง จะไปเข้าห้องน้ำก็ลำบาก หาอะไรรับประทานก็ยาก” เฮย์เดน ฮาร์ดิง นักท่องเที่ยววัย 78 ปีจากไอร์แลนด์เหนือ ให้สัมภาษณ์ที่สนามบินอาลิกันเต
