xs
xsm
sm
md
lg

Focus: ทำไม “ทรัมป์” ถึงกล้าเชิญ “ตอลีบาน” ประชุมถึงใน “แคมป์ เดวิด” ไม่กี่วันก่อนครบรอบตึกเวิลด์เทรดถูกโจมตี

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ – ชาวอเมริกันทั่วไปไม่ทราบเรื่องจนกระทั่งประธานาธิบดีสหรัฐฯประกาศในค่ำวันเสาร์(7 ก.ย)ถึงการยกเลิกแผนการประชุมร่วมกับแกนนำคนสำคัญกลุ่มตอลีบานที่มีส่วนให้ที่อยู่ อุซามะฮ์ บิน ลาดิน หัวหน้าเครือข่ายอัลกออิดะห์โจมตีตึกเวิลด์เทรดเซนเตอร์ในวันนี้(11 ก.ย) เมื่อ 18 ปีก่อนหน้า เบื้องหลังเบื้องลึกทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศฟ้าผ่าเมื่อวานนี้(10 ก.ย)ไล่จอห์น โบลตันออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาด้านความมั่นคงประจำทำเนียบขาว หลังมีรายงานว่าทั้งตัวเขาและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ คัดค้านจัดประชุมในแคมป์ เดวิด ที่สหรัฐฯ หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า ประธานาธิบดีอัฟกานิสถานเตรียมเดินทางบินเข้าสหรัฐฯในวันศุกร์(6 ก.ย)ก่อนประกาศยกเลิกไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น

ฟ็อกซ์นิวส์ สื่อสหรัฐฯ รายงานเมื่อวานนี้(10 ก.ย)ว่า เป็นเรื่องยากสำหรับชาวอเมริกันจำนวนมากที่จะสามารถทำใจจะยอมรับได้ว่า ตอลีบาน ที่เป็นคนให้ที่อยู่แก่ตัวการก่อการร้ายสหรัฐฯ ในวันที่ 11 ก.ย 2001 ซึ่งได้ครบรอบ 18 ปีวันนี้(11) จะได้รับเชิญอย่างเป็นทางการจากผู้นำสหรัฐฯให้เดินทางมาร่วมเจรจาสันติภาพถึงในแคมป์ เดวิด รัฐแมรีแลนด์ ซึ่งเป็นสถานที่อดีตประธานาธิบดี จิมมี คาร์เตอร์ เคยใช้ในการเจรจาสันติภาพระหว่างอิสราเอลและอียิปต์

ฟ็อกซ์นิวส์ชี้ว่า ผู้คนต่างไม่ทราบการประชุมครั้งนี้จนกระทั่งในช่วงค่ำวันเสาร์(7)ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาเปิดเผยด้วยตัวเองผ่านทางทวิตเตอร์ว่า ได้ยกเลิกการประชุมหลังจากมีทหารสหรัฐฯเสียชีวิตในการโจมตีด้วยคาร์บอมบ์ที่กรุงคาบูลวันพฤหัสบดี(5)

ซึ่งทางสื่อสหรัฐฯได้อ้างหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สที่ได้ชี้ว่า สิ่งทั้งหมดที่ออกมาแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่บ่งบอกของความเป็นผู้นำสหรัฐฯของทรัมป์ที่มีความปรารถนาต่อความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ต้องเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีผู้นำสหรัฐฯในอดีตทำได้มาก่อน ไม่ยอมทำตามกรอบธรรมเนียมปฎิบัติ ความยุ่งเหยิงคุกรุ่นทางอารมณ์ และมีความขัดแย้งภายในกลุ่มคนใกล้ชิด

ทั้งนี้หนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์รายงานว่า เมื่อผู้แทนเจรจาระดับสูงของสหรัฐฯได้ถามถึงการประชุมซัมมิตที่กรุงวอชิงตัน ดีซี ต่อแกนนำกลุ่มตอลีบาน พบว่าบรรดาแกนนำต่างตอบรับโดยมีข้อแม้ว่า การเดินทางจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อข้อตกลงได้มีการประกาศแล้วเท่านั้น

“สิ่งนี้ถือเป็นเส้นแบ่งที่ทำให้การเจรจาล้ม คุณทรัมป์ไม่ต้องการให้การประชุมที่แคมป์ เดวิดกลายเป็นการเฉลิมฉลองความสำเร็จข้อตกลง ซึ่งหลังจากออกจากรายละเอียดของความพยายามที่ยากยิ่งในภูมิภาคที่ซับซ้อนแล้ว คุณทรัมป์ต้องการเป็น “ดีลเมกเกอร์” (dealmaker) ที่จะเป็นคนที่จะทำให้ขั้นตอนสุดท้ายประกอบเข้าด้วยกันด้วยตัวเอง หรืออย่างน้อยต้องการให้มีภาพปรากฎเช่นนั้น”

CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า ประธานาธิบดีทรัมป์มีความรู้สึกหงุดหงิดเพิ่มมากขึ้นต่อกระบวนการเจรจาสันติภาพอัฟกานิสถาน และเขาเชื่อมั่นว่าตัวเองอยู่ในจุดที่ดีกว่าที่จะสามารถทำให้ข้อตกลงบรรลุได้ อ้างอิงจากบุคคลใกล้ชิดที่รู้ในเรื่องนี้ จากการที่ตัวทรัมป์สามารถทำให้การทูตเกาหลีเหนือเปิดได้ ทำให้ทรัมป์ต้องการที่จะเจรจาแบบตัวต่อตัวในเรื่องนี้ด้วยตัวเอง

CNNระบุจากการที่ทรัมป์เป็นคนต้องการที่จะจัดการเจรจาด้วยตัวเอง และทำให้เขาวางแผนที่จะทำให้แคมป์ เดวิดกลายเป็นสถานที่การจัดการเจรจาโดยที่ตัวเขาเป็นเจ้าภาพซึ่งถูกมองจากที่ปรึกษาจำนวนมากรวมไปถึงโบลตัน และเพนซ์ว่า เป็นความคิดที่แย่มาก

อ้างอิงจากแหล่งข่าวเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ โดยกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยต่างชี้ไปถึงการจัดการประชุมในสัปดาห์รำลึกครบรอบ 18 ปีของเหตุการณ์ 9/11

ด้านดาริน มิลเลอร์(Darin Miller)โฆษกของรองประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “รองประธานาธิบดีสหรัฐฯให้คำแนะนำแก่ประธานาธิบดีเท่านั้น ใครก็ตามที่อ้างว่ารู้ถึงความคิดของเขาในเรื่องนี้นอกเหนือจากประธานาธิบดีล้วนแล้วแต่เป็นเท็จ”

แต่กลับพบว่าทรัมป์ไม่ฟังเสียงคัดค้าน เขาเป็นคนที่ติดกับความต้องการที่จะได้รับผลสำเร็จมากกว่า โดยแหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าวกับ CNN ว่า ทรัมป์หมกมุ่นกับความคิดที่ตัวเองจะได้มาซึ่งข้อตกลงสันติภาพที่ยิ่งใหญ่กว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯคนใดจะสามารถทำได้ แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ***มีความหวังน้อยมากที่จะเปลี่ยนใจผู้นำสหรัฐฯในเรื่องนี้ได้***

พบว่ามีที่ปรึกษากลุ่มเล็กๆที่รวมอยู่ในการวางแผนสำหรับการประชุมแคมป์ เดวิด CNN รายงานว่า ทรัมป์เป็นคนตัดสินใจยกเลิกการประชุมในวันพฤหัสบดี(5)ด้วยตัวเอง หลังจากเกิดเหตุตอลีบานใช้คาร์บอมบ์โจมตีกรุงคาบูลและมีทหารสหรัฐฯ 1 นายเสียชีวิต

ซึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ในวันพฤหัสบดี(5) ซาลเมย์ คาลิซาด (Zalmay Khalilzad) ผู้แทนพิเศษสหรัฐฯด้านการปรองดองอัฟกานิสถานและ พลเอก ออสติน เอส .มิลเลอร์(Austin S. Miller)ผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐฯในอัฟกานิสถานเดินทางกลับไปกรุงโดฮา กาตาร์ เป็นการหารือสรุปด้านเทคนิกขั้นสุดท้ายของภาพรวม และทางผู้แทนเจรจาสันติภาพฝ่ายตอลีบานยังไม่รับรู้ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้น และภายหลังยังได้โพสต์ทางทวิตเตอร์ว่า “มีบรรยากาศที่ดี”

แต่ในวันเดียวกันนั้นผู้ช่วยของทรัมป์ได้แจ้งผู้นำสหรัฐฯถึงเหตุคาร์บอมบ์และมีนายทหารสหรัฐฯเสียชีวิต 1 นายรวมคนอื่นอีก 11 คน อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงพบว่า ในจุดนี้ทรัมป์และทีมของเขามีความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันที่ว่า เขาไม่สามารถเป็นเจ้าภาพจัดการเจรจาให้กับแกนนำตอลีบานที่แคมป์ เดวิด ห่างไปไม่กี่วันหลังมีชาวอเมริกันถูกสังหารได้

“สิ่งนี้ต้องตกไป เราไม่สามารถทำได้” ทรัมป์กล่าวกับที่ปรึกษา อ้างอิงจากเจ้าหน้าที่

นิวยอร์กไทม์สรายงานว่า ในวันศุกร์(6)เจ้าหน้าที่อัฟกันได้กล่าวกับนักข่าวว่า ประธานาธิบดี อัชราฟ กานี วางแผนที่จะเดินทางไปสหรัฐฯ แต่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นได้ออกมากล่าวว่า กานีไม่เดินทางไปแล้ว

ทั้งนี้ข้อตกลงสันติภาพระหว่างสหรัฐฯและตอลีบานนั้นรวมไปถึงการที่ต้องถอนกำลังทหารสหรัฐฯจำนวน 14,000 นายที่ประจำอยู่ในอัฟกานิสถานกว่า 16 เดือนเพื่อแลกเปลี่ยนกับหลักประกันการต่อต้านการก่อการร้ายจากตอลีบาน โบลตันที่ถูกทรัมป์สั่งให้ยื่นหนังสือลาออกได้โต้ว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯสามารถถอนกำลัง 5,000 นายได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ข้อตกลง

ฟ็อกซ์นิวส์กล่าวว่า ลินด์ซีย์ แกรม (Lindsey Graham)สว.แกนนำพรรครีพับลิกัน รวมถึงอดีตผู้บัญชาการคุมกำลังสหรัฐฯในอัฟกานิสถาน พลเอกเดวิด พาเทรส์ (David Petraeus)
แจ็ค คีน (Jack Keane)ที่ปรึกษาทรัมป์ และรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ ที่ภายหลังออกมาปฎิเสธข่าว และโบลตันต่างคัดค้านต่อการเชิญแกนนำตอลีบานประชุมที่แคมป์ เดวิด

ซึ่ง ส.ส ลิซ เชนีย์ (Liz Cheney) ได้ทวีตว่า “แคมป์เดวิดเป็นสถานที่บรรดาผู้นำของอเมริกาใช้เพื่อวางแผนตอบโต้หลังจากกลุ่มอัลกออิดะห์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากตอลีบาน สังหารชาวอเมริกัน 3,000 คนในเหตุการณ์ 9/11 ไม่สมควรที่จะมีสมาชิกตอลีบานคนใดสามารถเดินเข้าไปในที่แห่งนี้ได้เป็นอันขาด ซึ่งตอลีบานยังคงสนับสนุนอัลกออิดะห์อยู่ ประธานาธิบดีทำถูกแล้วที่ยุติการเจรจา”

เดอะฮิล สื่อสหรัฐฯรายงานก่อนหน้าเช่นกันว่า มีรายงานว่าโบลตันนั้นไม่เห็นด้วยอย่างหนักต่อความคิดการเชิญแกนนำตอลีบานประชุมเจรจาสันติภาพที่แคมป์เดวิด ในขณะที่เจ้าหน้าที่จากกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯอ้างว่า มันอาจทำให้ทุกฝ่ายใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลง ซึ่งหลังข่าวการไล่ออกของโบลตัน ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ได้ยืนแถลงข่าวร่วมกับ สตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีการคลังสหรัฐฯ ได้แสดงความเห็นกับนักข่าวที่ว่า “เขาไม่รู้สึกแปลกใจที่อดีตที่ปรึกษาโบลตันถูกสั่งให้ออก”







กำลังโหลดความคิดเห็น