ลุกลามสู่กีฬา!แฟนบอลฮ่องกงโห่เพลงชาติจีนก่อนลงสนามบอลโลก

เอพี - แฟนบอลฮ่องกงหลายพันคนส่งเสียงโห่ดังลั่นและหันหลังให้ระหว่างที่มีการเปิดเพลงชาติจีน ก่อนเกมการแข่งขันศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกระหว่างฮ่องกงกับอิหร่านในวันอังคาร(10ก.ย.) นำพาการประท้วงที่ยืดเยื้อมานานหลายเดือนลุกลามเข้าสู่ขอบเขตของกีฬา

นอกจากโห่ใส่เพลงชาติจีนแล้ว ฝูงชนยังพากันร่วมร้องเพลง "Glory to Hong Kong" เพลงที่สะท้อนการรณรงค์ของพวกเขาที่เคลื่อนไหวเรียกร้องขอมีเสรีภาพประชาธิปไตยมากกว่าเดิมภายในดินแดนกึ่งปกครองตนเองของจีนแห่งนี้

ขณะเดียวกันหลังจากจบเกมการแข่งขันพวกเขายังพาตะโกนว่า "ต่อสู้เพื่อเสรีภาพ" และ "ปฏิวัติเพื่อช่วงเวลาของเรา" และแฟนบอลรายหนึ่งชูโปสเตอร์สีฟ้ามีข้อความระบุว่า "ฮ่องกงไม่ใช่จีน"

ฮ่องกงติดหล่มอยู่ท่ามกลางการประท้วงมาตั้งแต่เดือนมิถุนายน อันมีต้นตอจากร่างกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งเปิดทางให้ส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีบนจีนแผ่นดินใหญ่ ทั้งนี้แม้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลให้สัญญาว่าจะถอนร่างดังกล่าวออกไป แต่มันล้มเหลวในการหยุดพวกผู้ประท้วง ที่ตอนนี้ได้ขยายขอบเขตข้อเรียกร้องเข้าสู่การปฏิรูปประชาธิปไตยและร้องขอความรับผิดชอบจากตำรวจ

การประท้วงในวันอังคาร(10ก.ย.) มีขึ้นแม้ว่าเจ้าหน้าที่คุมเข้มด้านความปลอดภัยที่สนามฮ่องกงสเตเดี้ยม ด้วยแฟนบอลถูกค้นตัวอย่างละเอียดเพื่อรับประกันว่าพวกเขาจะไม่เอาอุปกรณ์แสดงออกทางการเมืองและวัตถุต้องห้ามอื่นๆเข้าไปในสนาม ทั้งนี้อิหร่าน เคยร้องขอให้เลื่อนเกมนัดนี้ออกไป โดยอ้างความกังวลด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับสถานการณ์ความไม่สงบ แต่คำร้องดังกล่าวถูกฟีฟ่าปฏิเสธ

เกมนี้มีผู้ชมทั้งสิ้น 14,000 คนและอิหร่านเป็นฝ่ายเอาชนะไป 2-0

"ประชาชนฮ่องกงเป็นหนึ่งเดียว เราจะแสดงออกเพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตย" หนึ่งในผู้ชมกล่าว ในขณะที่ฝูงชนพากันตะโกนคำขวัญและร้องเพลงประจำการประท้วงตอนที่เดินออกจากสนาม

ชาวฮ่องกงจำนวนมากมองว่าร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นแบบอย่างอันโจ่งครึ่มของอำนาจปกครองตนเองที่กัดกร่อนของเมืองนับตั้งแต่มีการส่งมอบอดีตอาณานิคมแห่งนี้คืนสู่การควบคุมของจีนในปี 1997 ทั้งนี้การชุมนุมเริ่มมีเหตุปะทะรุนแรงบ่อยครั้งขึ้น โดยช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจได้ยิงแก๊สน้ำตาเข้าสลายการชุมนุมที่ทำลายทรัพย์สินตมสถานีรถไฟใต้ดิน, จุดไฟเผายางบนท้องถนนและปิดกั้นการจราจรบนท้องถนนหลายสาย

แคร์รี ลัม ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงในวันอังคาร(10ก.ย.) เรียกร้องพวกผู้ประท้วงหยุดใช้ความรุนแรงและหันหน้ามาเจรจา โดยเธอบอกว่าสถานการณ์ความรุนแรงที่ลุกลามบานปลาย ซึ่งนับตั้งแต่วันศุกร์ที่แล้ว(6ก.ย.) มีผู้ถูกจับกุมไป 150 คน รังแต่จะซ้ำเติมความแตกแยกและทำให้การฟื้นฟูเมืองต้องใช้เวลานาน

เธอบอกว่าการตัดสินถอนร่างกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนออกมาอย่างเป็นทางการและแนวคิดริเริ่มอื่นๆของเธอ สะท้อนถึงความจริงใจของเธอที่ต้องการเยียวยาสังคมด้วยการเสนอเจรจาโดยตรงกับประชาคมต่างๆ ในนั้นรวมถึงพวกผู้ประท้วง แต่เธอย้ำว่ารัฐบาลจะไม่อดทนต่อความรุนแรงใดๆและจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น