รอยเตอร์ – รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นออกมายอมรับวันนี้ (10 ก.ย.) ว่า ท้ายที่สุดแล้วบริษัท โตเกียว อิเล็คทริก พาวเวอร์ โค (เทปโก) อาจไม่มีทางเลือกอื่น และจำเป็นจะต้องปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีอันตรายจากโรงไฟฟ้าฟูกูชิมะลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกโดยตรง
หลังจากโรงไฟฟ้า ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ได้รับความเสียหายรุนแรงจากภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อปี 2011 เทปโกซึ่งเป็นผู้บริหารโรงไฟฟ้าก็ได้นำน้ำที่ใช้หล่อเย็นเพื่อป้องกันการหลอมละลายของแท่งเชื้อเพลิงมาเก็บกักไว้ในแทงก์ จนเวลานี้มีน้ำสะสมอยู่มากกว่า 1 ล้านตันแล้ว
เทปโกยอมรับว่า บริษัทจะไม่มีที่กักเก็บน้ำอีกต่อไปในราวๆ ปี 2022
“ทางเลือกเดียวคือต้องปล่อยมันลงทะเลเพื่อให้เจือจาง” โยชิอากิ ฮาราดะ รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นแถลงต่อสื่อที่กรุงโตเกียว “เรื่องนี้ต้องผ่านการหารือภายในรัฐบาลเสียก่อน แต่ผมก็อยากจะเสนอแนวคิดที่เรียบง่ายนี้”
รัฐบาลญี่ปุ่นจะตัดสินใจขั้นสุดท้ายหลังจากที่ได้รับคำแนะนำจากคณะผู้เชี่ยวชาญชุดหนึ่ง
ฮาราดะ ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าจำเป็นจะต้องปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีลงทะเลมากน้อยเท่าใด ขณะที่เจ้าหน้าที่เทปโกก็ยังไม่ออกมาให้ความเห็นในประเด็นนี้
ทั้งนี้ หากรัฐบาลปลาดิบตัดสินใจอนุญาตให้ปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีลงสู่ทะเลก็คาดว่าจะก่อเสียงประท้วงรุนแรงจากเพื่อนบ้านอย่างเกาหลีใต้ ซึ่งเมื่อเดือนที่แล้วเพิ่งจะเรียกเจ้าหน้าที่ฝ่ายเศรษฐกิจของสถานทูตญี่ปุ่นประจำกรุงโซลเข้าไปสอบถามว่าจะจัดการอย่างไรกับปัญหานี้
ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังย่ำแย่หนักจากการที่ศาลโสมขาวพิพากษาให้บริษัทชั้นนำของญี่ปุ่นต้องจ่ายเงินชดเชยหลายล้านดอลลาร์แก่ชาวเกาหลีที่ถูกบังคับใช้แรงงานในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ตั้งอยู่ตามชายฝั่งทะเลมักจะปล่อยน้ำเสียที่เจือปนทริเทียม (Tritium) ซึ่งเป็นไอโซโทปของไฮโดรเจนที่ยากแก่การกำจัด ทว่าโดยรวมไม่ถือว่าเป็นอันตราย
เทปโก ซึ่งเผชิญกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจากชาวประมงท้องถิ่นญี่ปุ่นออกมายอมรับเมื่อปีที่แล้วว่า น้ำในแทงก์ยังมีกัมมันตรังสีอื่นๆ นอกเหนือจากทริเทียมปนอยู่ด้วย