รอยเตอร์ - ศาสตราจารย์จีนจากมหาวิทยาลัยเซี่ยะเหมิน “โบ เหมา” ( Bo Mao )ถูกอัยการสหรัฐฯสั่งฟ้องในข้อหาแอบโขมยความลับทางการค้าจากบริษัทไฮเทคในซิลิคอนแวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซีเนกซ์ แล็บส์ อิงค์(CNEX Labs Inc) เพื่อประโยชน์ให้กับบริษัทหัวเว่ยของจีน
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้(9 ก.ย)ว่า ทั้งนี้พบว่า โบ เหมา ( Bo Mao )ถูกจับในรัฐเทกซัสเมื่อวันที่ 14 ส.คที่ผ่านมาและถูกปล่อยตัวในอีก 6 วันต่อมาด้วยวงเงินประกัน 100,000 ดอลลาร์ หลังจากที่ศาสตราจารย์อาคันตุกะจากมหาวิทยาลัยเซี่ยะเหมิน(Xiamen University) รายนี้ยอมตกลงที่จะถูกดำเนินคดีในนิวยอร์ก อ้างอิงจากเอกสารของศาล
อย่างไรก็ตามพบว่าเขาไม่ยอมรับความผิดในการขึ้นศาลแขวงเมืองบรุ๊คลิน นิวยอร์ก เมื่อวันที่ 28 ส.คในข้อหาสมคบคิดกระทำผิดฉ้อโกงทางการเงินที่ผ่านทางการใช้ข้อมูลเทคโนโลยี (wire fraud)
อ้างอิงจากคำฟ้อง เหมาซึ่งเป็นศาสตราจารย์อาคันตุกะที่มหาวิทยาลัยเทกซัสได้ร่วมข้อตกลงกับบริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งที่ไม่เปิดเผยชื่อจากซิลิคอนแวลลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย เพื่อที่จะได้มาบอร์ดวงจร โดยอ้างว่าเพื่อใช้ประโยชน์ด้านการวิจัยทางการศึกษา
ในคำฟ้องพบว่าได้มีการระบุไปถึงบริษัทโทรคมนาคมยักษ์ใหญ่แต่ไม่ได้ระบุชื่อในคำฟ้อง ซึ่งแหล่งข่าวยืนยันคือ “บริษัทหัวเว่ยของจีน” พยายามที่จะขโมยความลับเทคโนโลยี และให้เหมารับบทบาทในความพยายามนี้ ซึ่งเอกสารศาลยังได้บ่งชี้ว่าคดีนั้นเกี่ยวพันกับหัวเว่ย
รอยเตอร์รายงานว่า โบ เหมา มีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยะเหมินได้ถูกรับเชิญให้ทำหน้าที่ศาสตราจารย์อาคันตุกะประจำมหาวิทยาลัยรัฐเทกซัสเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้วได้รับความสนใจในฐานะเป็นคดีแพ่งรัฐเทกซัสที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัทหัวเว่ยและบริษัท ซีเนกซ์ แล็บส์ อิงค์(CNEX Labs Inc.)
ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม ปี 2017 หัวเว่ยได้ฟ้องซีเนกซ์และอดีตลูกจ้าง ยีเรน หวง(Yiren Huang ) ในคดีโขมยความลับทางการค้า
โดยในเวลานั้นพบว่าหวงทำหน้าที่ผู้จัดการวิศวกรประจำที่บริษัทลูกของหัวเว่ยในสหรัฐฯ เขาได้ช่วยก่อตั้ง ซีเนกซ์ ในปี 2013 หลังจากได้ลาออกจากบริ๋ษัทได้ 3 วัน
โดยในคดีนี้สิ้นสุดเมื่อมิถุนายน โดยทางคณะลูกขุนมีคำพิพากษาว่า “ไม่ได้ขโมยอะไรออกไป” ซึ่งทางคณะลูกขุนชี้ว่า ไม่พบว่าทางซีเนกซ์ขโมยความลับทางการค้า แต่ตัดสินว่าหวงนั้นละเมิดข้อตกลงทางการว่าจ้างโดยไม่ได้แจ้งบริษัทถึงสิทธิบัตรที่เขาได้จดภายใน 1 ปีที่ได้ออกจากงาน
ซึ่งทางคณะลูกขุนสหรัฐฯไม่พบว่า ทางหัวเว่ยไม่ได้รับผลกระทบและไม่ได้สั่งให้ได้รับการเยียวยา แต่ทางคณะลูกขุนกลับพบว่า หัวเว่ยขโมยความลับทางการค้าของซีเนกซ์แต่ไม่ได้สั่งให้จ่ายค่าเสียหายในกรณีนี้เช่นกัน รอยเตอร์กล่าว
ทั้งนี้สำหรับในกรณีของเหมา พบว่าทางซีเนกซ์อ้างว่า เหมาได้ร้องขอหนึ่งในบอร์ดวงจรจากทางบริษัทเพื่อใช้ในโปรเจกต์การวิจัย แต่เมื่อทางซีเนกซ์ได้ส่งบอร์ดวงจรให้ตามคำขอ กลับพบว่าเหมาได้ใช้เพื่อการวิจัยที่เกี่ยวข้องกับหัวเว่ย
และในเวลานี้อัยการสหรัฐฯได้สั่งฟ้องหัวเว่ยที่บรุ๊คลินสำหรับคดีการฉ้อโกงทางธนาคารและละเมิดมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ ได้เข้ามารื้อคดีซีเนกซ์ใหม่
โฆษกหัวเว่ยกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “อัยการสหรัฐฯเดินหน้าดำเนินคดีเกี่ยวพันซีเนกซ์ ถึงแม้ว่าเป็นผลมาจากคดีทางแพ่ง” และบริษัทหัวเว่ยยังชี้ให้เห็นว่า ดูเหมือนอัยการสหรัฐฯไม่มีความสนใจต่อการฟ้องร้องของหัวเว่ยที่มีต่อบริษัทซีเนกซ์ของสหรัฐฯ
โฆษกหัวเว่ยกล่าวว่า สหรัฐฯดำเนินคดีเหมาถึงแม้ว่าศาสตราจารย์จะไม่เคยถูกซีเนกซ์ฟ้องทางกฎหมาย และเขายังไม่เคยถูกเรียกขึ้นให้การในการไต่สวนคดีแพ่ง
หัวเว่ยกล่าวอีกว่า สหรัฐฯใช้ความพยายามที่จะดิสเครดิตชื่อเสียงของบริษัท และยังปิดกั้นการขึ้นมาเป็นผู้นำทางตลาดของบริษัท หัวเว่ยชี้ว่าให้เห็นว่า ไม่มีคดีใดที่พิพาทบริษัทนั้นจะมีหลักฐานสนับสนุนอย่างเพียงพอ