รอยเตอร์ - ทางการออสเตรเลียเร่งสกัดไฟป่าที่ปะทุขึ้นกว่า 100 จุดใน 2 รัฐทางฝั่งตะวันออกของประเทศวันนี้ (7 ก.ย.) ขณะที่บ้านเรือนประชาชนถูกไฟเผาวอดไปแล้วไม่ต่ำกว่า 21 หลัง
สำนักอุตุนิยมวิทยาออสเตรเลียคาดว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงในรัฐควีนส์แลนด์และนิวเซาท์เวลส์จะต้องเจอกับภารกิจหนัก เนื่องจากสภาพอากาศในฤดูหนาวที่แห้งแล้งและแทบไม่มีฝนตกลงมาช่วย
อนาสตาเซีย พาลาสซุค นายกรัฐมนตรีแห่งรัฐควีนส์แลนด์ ระบุวันนี้ (7) ว่ามีไฟป่าเกิดขึ้นทั้งหมด 51 จุด และบ้านเรือนเสียหายไปแล้วอย่างน้อย 17 หลัง โดยคาดว่าจะยังคงมีความเสี่ยงสูงต่อเนื่องไปอีกหลายวัน แม้อากาศจะเริ่มเย็นลงก็ตาม
“เวลาสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น เนื่องจากอากาศแห้งมาก” พาลาสซุค ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน
ในส่วนของนิวเซาท์เวลส์ซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของออสเตรเลีย มีไฟป่าและไฟไหม้หญ้าปะทุขึ้นมากกว่า 65 จุดในวันนี้ (7) โดยสำนักงานบริการดับเพลิงชนบท (RFS) ประจำรัฐได้ออกประกาศเตือนภัยฉุกเฉินสำหรับไฟป่า 3 จุด
“เจ้าหน้าที่ดับเพลิงกว่า 500 นายยังพยายามปกป้องบ้านเรือนและสกัดไฟป่า ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยากลำบาก” RFS ระบุ
แม้ช่วงสัปดาห์แรกของฤดูใบไม้ผลิจะไม่ใช่เวลาที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า ทว่าชายฝั่งตะวันออกของออสเตรเลียมีปริมาณฝนต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมาแล้ว 2 ปี ทำให้หลายพื้นที่ประสบปัญหาความแห้งแล้ง
อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับสภาพอากาศที่แห้ง มีความชื้นต่ำ และลมแรง เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดไฟป่าขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ (6) ซึ่ง เชน ฟิตซ์ซิมมอนส์ ผู้อำนวยการ RFS ยอมรับว่าเป็นช่วงไม่กี่วันที่สถานการณ์ไฟป่ารุนแรงเป็นประวัติการณ์