รอยเตอร์ - วลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียบอกกับ ชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในวันพฤหัสบดี(5ก.ย.) ว่าความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างโตเกียวกับสหรัฐฯและในเรื่องอื่นๆอีกหลายประเด็น ทำให้เป็นเรื่องยากที่ญี่ปุ่นรัสเซียจะลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพสงครามโลกครั้งที่ 2
ปูตินแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ณ เวทีสัมมนาทางเศรษฐกิจแห่งหนึ่ง ในดินแดนตะวันออกไกลของรัสเซีย หลัง อาเบะ เรียกร้องเขาให้คลี่คลายข้อพิพาทระหว่างสองชาติที่ต่างกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะ ซึ่งเป็นอุปสรรคขัดขวางทั้งสองประเทศจากการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพมาช้านาน
ญี่ปุ่นกล่าวอ้างกรรมสิทธิ์เหนือเกาะ 4 แห่งในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งหนึ่งในเกาะเหล่านั้นอยู่ห่างจากทางเหนือของเกาะฮอกไกโดเพียงไม่กี่กิโลเมตร และห่างจากแหลมคัมชัตคา ทางใต้ของแผ่นดินรัสเซียราว 1,000 กม.
74 ปีก่อน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพสหภาพโซเวียตได้บุกเข้าไปทางภาคใต้ของเกาะ Sakhalin และเกาะ Kuril พร้อมกับประกาศสงครามกับญี่ปุ่น ต่อมาญี่ปุ่นยอมแพ้สงครามในวันที่ 15 ส.ค ปีเดียวกัน ทำให้พลเมืองญี่ปุ่นบนเกาะดังกล่าวต้องถูกขับไล่ออกมา ตั้งแต่นั้นมารัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแย่งชิงพื้นที่เกาะดังกล่าวกลับคืนมาเป็นของญี่ปุ่น โดยให้เหตุผลว่าสหภาพโซเวียตได้บุกรุกเกาะแห่งนั้นหลังจากที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ไปแล้ว
รัสเซียมองว่าเกาะทั้ง 4 แห่งในแถบตะวันตกเฉียงเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิกนั้นคืกส่วนหนึ่งของรัสเซีย และได้เริ่มสะสมกำลังทหารบนหมู่เกาะ Kuril ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ นอกจากนี้บรรดาผู้นำรัสเซียยังได้เดินทางเยือนเกาะดังกล่าวบ่อยขึ้น ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจต่อรัฐบาลและประชาชนญี่ปุน ในขณะเดียวกัน รัสเซียก็ได้เสนอให้ทั้งสองประเทศสมารถใช้ประโยชน์ร่วมกันจากเกาะดังกล่าวได้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่อุดมไปด้วยแหล่งแร่ธาตุต่างๆมหาศาล
แม้ปฏิเสธข้อเสนอของอาเบะ แต่ทางผูนำรัสเซียแสดงความหวังว่าที่สุดแล้วจะสามารถลงนามในสนธิสัญญาในอนาคต และหวังว่าในท้ายที่สุทั้งสองประเทศจะสามารถคลี่คลายความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมานาน "เคราะห์ร้ายและน่าเสียใจสำหรับเรา มันมีประเด็นทางทหาร, กลาโกมและความมั่นคง ที่เราจำเป็นต้องตระหนัก ญี่ปุ่นมีพันธสัญญากับบรรดาประเทศที่ 3 ในนั้นรวมถึงสหรัฐฯ" ปูตินกล่าว
ก่อนหน้านี้มอสโกแสดงความกังวลบ่อยครั้งเกี่ยวกับระบบทางทหารของสหรัฐฯที่ถูกส่งเข้าประจำการในดินแดนญี่ปุ่น
ไม่กี่นาทีก่อนปูตินแสดงความคิดเห็น อาบะยกย่องความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น และหวังว่าก้าวต่อไปในความสัมพันธ์อันปกติจะเป็นการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพ ซึ่งเขาบอกว่ามันเป็นภารกิจประวัติศาสตร์ของผู้นำทั้งสองชาติ