น้ำมัน,ทองขึ้น หุ้นสหรัฐฯพุ่งจากสถานการณ์บวกในฮ่อกงและอังกฤษ

มาร์เก็ตวอตช์/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันพุ่งแรงในวันพุธ(4ก.ย.) คาดคลังปิโตรเลียมสำรองสหรัฐฯลดลงอย่างมาก ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกแข็งแกร่งท่ามกลางพัฒนการทางบวกในฮ่องกงและอังกฤษ ขณะที่ทองคำขยับขึ้นเช่นกัน

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนตุลาคม เพิ่มขึ้น 2.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 56.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอนงวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 2.44 ดอลลาร์ ปิดที่ 60.70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ(อีไอเอ) มีกำหนดเผยแพร่รายงานคลังปิโตเลียมสำรองรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี(5ก.ย.) ในขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นเหล่านักวิเคราะห์ซึ่งจัดทำโดยเอสแอนด์พี โกลบอล แพลตส์ คาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบของเมริกาในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 สิงหาคม น่าจะลดลงถึง 3 ล้านบาร์เรล

นอกจากนี้แล้วพวกนักวิเคราะห์ยังคาดหมายด้วยว่าในสัปดาห์เดียวกันนั้น สต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ น่าจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล และคลังสำรองน้ำมันกลั่น ซึ่งประกอบด้วยดีเซลและน้ำมันทำความร้อน น่าจะลดลงราว 120,000 บาร์เรล

ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯพุ่งทะยานในวันพุธ(4ก.ย.) เพิกเฉยต่อสงครามการค้าที่ยังคุกรุ่นอยู่ หลังมีพัฒนาการในทางบวกทั้งในฮ่องกงและประเด็นเบร็กซิตของอังกฤษ

ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 237.45 จุด (0.91 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,355.47 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 31.51 จุด (1.08 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,937.78 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 102.72 จุด (1.30 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,976.88 จุด

ดัชนีทั้ง 3 ปิดบวกราวๆ 1% หลัง แคร์รี ลัม ผู้บริหารพิเศษฮ่องกง ถอนร่างแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนอย่างเป็นทางการ เพื่อให้เขตบริหารพิเศษของจีนแห่งนี้จะสามารถเดินหน้าก้าวออกไปจากจุด “ซึ่งอ่อนไหวและอันตรายสูงมาก” ขณะที่มันเป็นชนวนทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงมาเป็นแรมเดือน

การถอนร่างแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ เป็นข้อเรียกร้องสำคัญของพวกผู้ประท้วง ทว่าก็เป็นเพียงข้อเดียวในจำนวนทั้งสิ้น 5 ข้อ โดยที่การอ่อนข้อนี้บังเกิดขึ้นภายหลังความไม่สงบซึ่งทำเอาอดีตอาณานิคมของอังกฤษแห่งนี้เข้าสู่ปากเหวของภาวะอนาธิปไตย ขณะที่รัฐบาลปฏิเสธไม่ยินยอมผ่อนผันอ่อนข้อครั้งแล้วครั้งเล่า จนจุดชนวนให้เกิดการประท้วงรุนแรงขึ้นตลอดทั่วทั้งมหานครที่มีประชากรราว 7 ล้านคน

ขณะเดียวกันมาชิกสภาสามัญชน(สภาล่าง)ของอังกฤษ มอบความปราชัยครั้งใหม่แก่ยุทธศาสตร์เบร็กซิตแข็งกร้าวของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ด้วยลงมติในวันพุธ(4ก.ย.) ผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่งซึ่งจะบังคับไม่ให้ผู้นำรายนี้พาสหราชอาณาจักรถอนตัวจากอียูแบบไร้ข้อตกลง เพื่อหลีกเลี่ยงความโกลาหลวุ่นวายจากการหย่าร้างแบบไม่มีข้อตกลง

อย่างไรก็ตามราคาทองคำยังคงเดินหน้าปิดบวกในวันพุธ(4ก.ย.) ทถิติสูงสุดในรอบ 6 ปีครั้งใหม่ ได้แรงหนุนจากดอลลาร์อ่อนค่าลงและความกังวลต่อเศรษฐกิจ โดยทองคำสัญญาโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 4.50 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,560.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์