เอเจนซีส์- อิวาน มาร์เกซ (Ivan Marquez) อดีตผู้บัญชาการกลุ่มกบฏฟาร์กและสมาชิกรัฐสภาคองเกรสโคลอมเบียที่หลบไปซ่อนตัวตั้งแต่ปีที่แล้วล่าสุดวันพุธ(28 ส.ค)ออกแถลงการณ์ผ่านวิดีโอคลิปประกาศจับอาวุธเคลื่อนไหวอีกครั้งเป็นเฟสใหม่ของการลุกขึ้นสู้ของกลุ่มนักรบกองโจร
อัลญะซีเราะฮ์ สื่อกาตาร์ รายงานเมื่อวานนี้(29 ส.ค)ว่า อิวาน มาร์เกซ (Ivan Marquez) อดีตผู้บัญชาการกลุ่มกบฏฟาร์กและสมาชิกรัฐสภาคองเกรสโคลอมเบียที่หลบหนีไปซ่อนตัวในปี 2018 ไม่นานหลังจากหลานชายถูกจับกุมและส่งตัวไปยังสหรัฐฯในการสอบสวนร่วม และตัวมาร์เกซเองยังเป็นที่ต้องการตัวจากทางการสหรัฐฯในความผิดพัวพันคดีลอบค้ายาเสพติด
ซึ่งในวิดีโอคลิปที่ถูกเผยแพร่ในวันพุธ(28) มาร์เกซที่มีชื่อจริงคือ ลูเซียโน อารางโก (Luciano Arango) ยืนท่ามกลางกองกำลังชายหญิงจำนวนไม่มากนักในชุดเครื่องแบบรบ
“เราขอประกาศต่อโลกว่ามาเกตาเลียครั้งที่ 2 (ชื่อของสถานที่การเคลื่อนไหวกบฏฟาร์กถือกำเนิด)ได้เริ่มต้นภายใต้การยืนยันของสิทธิสากลที่ให้สิทธิ์แก่คนทั้งหมดในโลกในการจับอาวุธต่อผู้กดขี่”
และแถลงการณ์สั้นที่ปรากฏบนเว็บไซต์ของกบฏฟาร์กนั้นมาพร้อมกับประกาศ อย่างไรก็ตามยังไม่มีความเห็นออกมาจากกลุ่มนักการเมืองพรรคฟาร์กหรือรัฐบาลโคลอมเบีย
ทั้งนี้พบว่ามาเกซเป็น 1 ใน 10 อดีตผู้บัญชาการกลุ่มกบฎที่มีตำแหน่งในรัฐสภาคองเกรสของโคลอมเบียหลังจากที่กลุ่มกบฎได้กลายเป็นพรรคการเมืองอย่างเป็นทางการภายใต้ข้อตกลงสันติภาพครั้งประวัติศาสตร์ปี 2016
ซึ่งข้อตกลงสันติภาพปี 2016 ทำให้การสู้รบที่นานครึ่งศตวรรษและมีผู้เสียชีวิตกว่า 220,000 คน และอีกเกือบ 7 ล้านคนต้องพลัดถิ่นนั้นได้สิ้นสุดลง
ในเดือนกรกฎาคม ปี2018 อิวาน มาร์เกซประกาศไม่รับตำแหน่งในการประท้วงต่อการจับกุมอดีตผู้บัญชาการกบฎฟาร์ก เฆซุส ซานตริช(Jesus Santrich) ซึ่งซานตริชได้ปรากฎตัวยืนเคียงข้างมาร์เกซในวิดีโอคลิปวันพุธ(28)
ซึ่งมาจนถึงเวลานี้ยังไม่ทราบว่าผู้บัญชาการกบฎฟาร์กทั้งสองในเวลานี้อยู่ที่ใด สัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจอินเตอร์โพลได้ออกหมายแดงต่อตัวซานตริชที่ชายผู้นี้เป็นที่ต้องการตัวจากสหรัฐฯในการส่งตัวในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนในความผิดสมรู้ร่วมคิดการส่งออกยาเสพติดโคเคนหนักร่วม 10 ตัน
ซานตริชที่มีชื่อจริงว่า เซ็คซีส พอเซียส เฮอร์นานเดซ(Seuxis Paucias Paucias) ปฎิเสธความผิดทางปวง
อดีตสมาชิกกบฏบางคนรวมถึงมาร์เกซกล่าวหารัฐบาลโคลอมเบียว่าใช้ความผิดคดียาเสพติดเพื่อล่าตัวอดีตสมาชิกกองโจรทั้ง ๆที่ต้องได้รับการคุ้มครองภายใต้ข้อตกลงสันติภาพ ในขณะที่มีอีกบางส่วนปฎิเสธที่จะวางอาวุธและเข้าร่วมกับปีกของกบฎฟาร์กแทน