บราซิลยอมรับเงินช่วยดับ ‘ไฟป่า’ แต่ห้ามต่างชาติก้าวก่ายวิธีใช้

รอยเตอร์ - ทางการบราซิลระบุวานนี้ (27 ส.ค.) ว่าจะยอมรับเงินช่วยเหลือจากต่างชาติเพื่อต่อสู้ไฟป่าแอมะซอนก็ต่อเมื่อรัฐบาลมีสิทธิ์ตัดสินใจด้วยตัวเองว่าจะนำเงินไปใช้อย่างไร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการผ่อนปรนท่าทีเพื่อลดการเผชิญหน้าระหว่างผู้นำบราซิลกับฝรั่งเศส

รีโก บาร์รอส โฆษกประธานาธิบดีบราซิล ออกมาแถลงจุดยืนล่าสุดของรัฐบาล ภายหลังผู้ว่าการรัฐต่างๆ ในแถบแอมะซอนได้แจ้งเตือนประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ว่า พวกเขาจำเป็นต้องได้งบประมาณเพื่อใช้ต่อสู้วิกฤตไฟป่าครั้งเลวร้ายที่กำลังเผาผลาญผืนป่าเขตร้อนขนาดใหญ่ที่สุดของโลก

“ท่านประธานาธิบดีในนามของรัฐบาลบราซิลเต็มใจรับความช่วยเหลือทางการเงินจากองค์กรและประเทศต่างๆ โดยมีข้อแม้ว่าเมื่อเงินทุนเหล่านี้เข้าสู่ประเทศแล้วจะต้องอยู่ภายใต้การบริหารจัดการของชาวบราซิล” บาร์รอส ระบุ

ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวทางการทูตในกรุงบราซิเลียบอกกับรอยเตอร์ว่า รัฐบาลบราซิลได้รับเงินช่วยเหลือจากอังกฤษมาแล้วอีก 10 ล้านปอนด์ ทว่าสำนักงานฝ่ายข่าวของ โบลโซนารู ยังไม่ยืนยันข้อมูลนี้

ทั้งนี้ ก่อนที่โฆษกรัฐบาลจะแถลงจุดยืนล่าสุด โบลโซนารูประกาศว่าตนจะยอมพิจารณารับเงินช่วยเหลือ 20 ล้านดอลลาร์จากกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ G7 ก็ต่อเมื่อประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศสถอนคำพูดที่เป็นการ “ดูหมิ่น” ตน

โบลโซนารู และ มาครง ได้เปิดสงครามน้ำลายต่อหน้าสาธารณชนตลอดช่วงไม่กี่วันมานี้ โดยผู้นำบราซิลกล่าวหาว่าอีกฝ่ายไม่เคารพอธิปไตยของชาติตน และยังล้อเลียนภริยาของ มาครง ว่าสวยสู้ภริยาของตนไม่ได้ ขณะที่ผู้นำเมืองน้ำหอมก็วิจารณ์ โบลโซนารู ว่าพูดโกหกเกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อม และสตรีชาวบราซิลควรจะ “อับอาย” ที่มีประธานาธิบดีเช่นนี้

การตอบสนองวิกฤตไฟป่าที่ล่าช้าของรัฐบาลบราซิลเป็นเหตุผืนป่าแอมะซอนซึ่งถูกยกให้เป็น “ปอดของโลก” และเป็นปราการต่อสู้ภาวะโลกร้อนถูกทำลายมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งปัญหานี้อาจกระทบต่อข้อตกลงการค้า รวมถึงภาคธุรกิจการเกษตรซึ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญต่อเศรษฐกิจบราซิลที่กำลังชะลอตัว

“นี่ไม่ใช่เวลาที่จะปฏิเสธเงินช่วยเหลือ” ฟลาวิโอ ดีโน ผู้ว่าการรัฐมารันเยา ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมร่วมกับผู้นำบราซิล ซึ่ง โบลโซนารู รับปากว่าจะออกมาตรการทางกฎหมายร่วมกับรัฐต่างๆ ภายในวันที่ 5 ก.ย. เพื่อป้องกันการเกิดไฟป่าซ้ำอีก

“การใช้ถ้อยคำที่สื่อถึงแนวคิดต่อต้านสิ่งแวดล้อมอาจจะทำให้บราซิลถูกนานาชาติคว่ำบาตรเอาได้” ดีโน กล่าวเตือน

สถาบันวิจัยอวกาศแห่งชาติ (INPE) ระบุว่า ไฟป่าในบราซิลมีจำนวนเพิ่มขึ้นถึง 80% ในปีนี้เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2018 ขณะที่ข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยาบ่งชี้ว่ายังต้องรออีกนานหลายสัปดาห์กว่าจะมีฝนตกเป็นบริเวณกว้างพอที่จะช่วยดับไฟ