xs
xsm
sm
md
lg

ข่าวดี!!ปธ.สภาธุรกิจสหรัฐฯเผยนักลงทุนจริงจังบ่ายหน้ามาไทย ท่ามกลางสงครามการค้าอเมริกา-จีน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพจากเอเอฟพี
ซีเอ็นบีซี - นักลงทุนกำลังจ้องมองไทยอย่างจริงจัง ท่ามกลางสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานในวันอังคาร(27ส.ค.) โดยอ้างความเห็นของอเล็กซานเดอร์ เฟลด์แมน ประธานและซีอีโอสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน

บ่อยครั้งที่เวียดนามถูกอ้างในฐานะเป็นหนึ่งในผู้ได้รับอานิสงส์รายใหญ่ที่สุดจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน เนื่องจากบริษัททั้งหลายตัดสินใจโยกย้านฐานการผลิตออกจากจีนเพื่อหลีกเลี่ยงมาตรการรีดภาษี

อย่างไรก็ตาม เฟล์ดแมน ระบุว่าตลาดแรงงานของเวียดนามกำลังตึงตัว และภาคธุรกิจกำลังมองหาทางเคลื่อนย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นๆในเอเชียแทน ในนั้นรวมถึงประเทศไทย

ในสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ซึ่งยืดเยื้อมานานนับปี ทั้งสองประเทศต่างกำหนดมาตรการรีดภาษีสินค้านำเข้าจากอีกฝ่ายตอบโต้กันไปมาแล้วหลายรอบมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ขณะเดียวกันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เขียนบนทวิตเตอร์หลังปักกิ่งประกาศรีดภาษีเพิ่มเติม ออกคำสั่งให้บริษัทต่างๆของอเมริกาเริ่มหาทางย้ายออกจากจีนในทันที

เฟล์ดแมน ให้สัมภาษณ์กับซีเอ็นบีซี เผยว่าบริษัทแบรนด์เนม 3 แห่งได้ย้ายคนจากจีนไปยังเมืองไทยแล้ว แต่เขาไม่เปิดเผยชื่อบริษัทเหล่านั้น "บริษัททั้ง 3 กำลังย้ายหน่วยงาน แต่คุณก็รู้ ผมคิดว่าเรากำลังได้เห็นเม็ดเงินหลายสิบล้านดอลลาร์ ร้อยล้านดอลลาร์ บางทีอาจมากกว่านั้น สำหรับประเทศไทย" เขากล่าวพร้อมระบุว่าการลงทุนในไทยเป็นส่วนหนึ่งของโนวแน้มระยะยาว

ประธานและซีอีโอสภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียนบอกต่อว่า ในเดือนพฤษภาคม 2017 หรือแม้แต่ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มกำหนดมาตรการเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมสินค้านำเข้าจากจีน ทางผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ฮาร์เลย์ เดวิดสัน ก็ได้เริ่มย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว และความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับว่าประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

"ฮาร์เลย์ เดวิดสัน แถลงว่ามียอดขายรถจักรยานยนต์ในมาเลเซียเพิ่มขึ้น 181% โดยที่รถเหล่านั้นผลิตจากโรงงานในไทย ซึ่งทำหน้าที่รองรับตลาดในมาเลเซีย" เขากล่าว

ในผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2019 ของฮาร์เลย์ เดวิดสัน พบว่าต้นทุนที่ถูกลงสำหรับการผลิตรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ทางบริษัทมียอดขายปลีกในบรรดาตลาดเกิดใหม่เพิ่มขึ้น 7.6% เมื่อเทียบรายปี

นอกเหนือจากข้อเท็จจริงที่ว่ากระแสการค้ากำลังบ่ายหน้าจากเวียดนามแล้ว ตัวเลขขาดดุลการค้ากับเวียดนามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆของสหรัฐฯ ยังก่อความเสี่ยงต่อการค้าทวิภาคีด้วย เฟล์ดแมนให้ความเห็น

"ชัดเจนว่าเวียดนาม คือผู้ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มระยะสั้นรายใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียว แต่คำถามก็คืออเมริกาจะหันปากกระบอกปืนใส่เวียดนามเมื่อไหร่?" เขากล่าว พร้อมเผยว่าเขาได้มีโอกาสพูดคุยกับ เหงียน ซวน ฟุก นายกรัฐมนตรีเวียดนามเมื่อช่วงต้นปีและผู้นำรายนี้แสดงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขขาดดุลการค้า

ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา สหรัฐฯขาดดุลการค้าต่อเวียดนามเพิ่มขึ้น 22.9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งขณะนั้นสหรัฐฯขาดดุลการค้าต่อเวียดนามจำนวน 3,049 ล้านดอลลาร์ และเมื่อเดือนที่แล้ว กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯก็ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีมากถึง 450% ต่อเหล็กกล้าที่นำเข้าจากเวียดนาม

"เหล็กกล้าไม่ใช่สินค้าส่งออกที่สำคัญของเวียดนาม แต่มาตรการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นว่า สหรัฐฯพร้อมที่จะออกมาตรการตอบโต้เวียดนามต่อไป หากตัวเลขขาดดุลการค้ายังคงพุ่งขึ้น" เฟลด์แมนกล่าว พร้อมเชื่อว่าตัวเลขขาดดุลการค้าอาจก่อความขุ่นเคืองแก่สหรัฐฯและเป็นบ่อนทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างฮานอยกับทรัมป์
กำลังโหลดความคิดเห็น