เอเจนซีส์ – ทรัมป์เชื่อจีนต้องการบรรลุข้อตกลง หลังติดต่อขอฟื้นการเจรจาเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ขณะที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงรองนายกฯ แดนมังกรเผยยินดีแก้ไขข้อพิพาทด้วยการเจรจาอย่าง “สงบ” ย้ำไม่มีใครได้ประโยชน์จากสงครามการค้า และกระทรวงการต่างประเทศจีนแถลงสำทับว่า พร้อมดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ หากวอชิงตันเดินหน้าบังคับใช้การขึ้นภาษีศุลกากรล็อตใหม่
สงครามการค้าอเมริกา-จีนทวีความเข้มข้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าจีนในบัญชีที่จะถูกลงโทษเดิมมูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ เมื่อวันศุกร์ (24) เพื่อตอบโต้ที่ปักกิ่งเอาคืนด้วยการขึ้นภาษีสินค้าอเมริกันมูลค่า 75,000 ล้านดอลลาร์ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านั้น
แต่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เสียใจหรือไม่กับการตัดสินใจดังกล่าว ทรัมป์ซึ่งอยู่ระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มจี7 ที่ฝรั่งเศส กล่าวยอมรับในวันอาทิตย์ (26) ว่า ตนเองมักคิดทบทวนทุกอย่าง
ทว่า หลังจากนั้นไม่นาน แลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจอาวุโสของสหรัฐฯ แก้ต่างว่า ทรัมป์ได้ยินคำถามไม่ชัดจึงตอบไปว่า เสียใจ ซึ่งหมายถึงเสียใจที่ไม่ได้ขึ้นภาษีจีนมากกว่านั้น
อย่างไรก็ตาม คุดโลว์เสริมว่า การเจรจาการค้ากับจีนยังคงดำเนินอยู่ และคาดว่า คณะผู้แทนจีนจะเดินทางไปหารือในวอชิงตันเดือนหน้า
นอกจากขึ้นภาษีแล้ว ทรัมป์ยังประกาศว่า อาจใช้อำนาจตามกฎหมายสั่งให้บริษัทอเมริกันถอนตัวจากจีน โดยไม่ได้ระบุว่า เป็นกฎหมายฉบับใด
ในวันอาทิตย์ (25) ขณะที่เขาอยู่ในเมืองเบียร์ริตซ์ของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นสถานที่จัดประชุมสุดยอดจี7 และชาติสมาชิกส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับสงครามการค้า ทรัมป์กล่าวว่า ยังไม่มีแผนดำเนินการดังกล่าว
ขณะที่สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ยืนยันว่า ทรัมป์สามารถใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศปี 1997 ที่ให้อำนาจประธานาธิบดีควบคุมการค้าระหว่างประเทศขณะที่มีภัยคุกคามที่ไม่ปกติจากต่างชาติต่อนโยบายการค้า ความมั่นคง และเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
มนูชินสำทับว่า ทรัมป์น่าจะหมายความว่า ต้องการให้บริษัทอเมริกันเริ่มมองหาทางเลือกในการลงทุนแทนจีน ซึ่งควรเป็นประเทศคู่ค้าที่เคารพอเมริกาและค้าขายด้วยความเป็นธรรม
อย่างไรก็ดี วันจันทร์ (26) ทรัมป์กลับให้สัมภาษณ์ว่า จีนโทรศัพท์แจ้งคณะผู้แทนของสหรัฐฯ ว่า ต้องการฟื้นการเจรจาการค้า และสำทับว่า จีนเจีบหนักจากมาตรการของอเมริกาแต่ก็เข้าใจว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว
ผู้นำสหรัฐฯ ยังยกย่องประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และกล่าวว่า แนวโน้มการฟื้นการเจรจาเป็นข่าวดีสำหรับทั่วโลก และเชื่อว่า การเจรจาจะเริ่มต้นโดยเร็วที่สุดและน่าจะบรรลุข้อตกลงได้
ทางด้านจีนนั้น ก่อนหน้านั้นไม่นาน รองนายกรัฐมนตรีหลิว เหอ กล่าวในงานประชุมเทคโนโลยีที่เมืองฉงชิ่ง ว่า ปักกิ่งยินดีแก้ไขข้อพิพาททางการค้ากับอเมริกาผ่านการเจรจาและความร่วมมือในแนวทางที่สงบ และคัดค้านการเพิ่มดีกรีความขัดแย้งในสงครามการค้าซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อจีน อเมริกา หรือประชากรโลกเลย
หลิว ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจระดับสูงของสีและเป็นหัวหน้าทีมเจรจาการค้ากับอเมริกา เสริมว่า จีนยินดีต้อนรับบริษัททั่วโลก ซึ่งรวมถึงอเมริกา และจะเดินหน้าสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุน ปกป้องสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมอัจฉริยะควบคู่กับการเปิดตลาด ต่อต้านการปิดกั้นเทคโนโลยีและลัทธิกีดกันการค้า รวมทั้งปกป้องห่วงโซ่อุปทาน
กระนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้ออกคำแถลงตามมาว่า จีนพร้อมดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ หากอเมริกาเดินหน้าบังคับใช้มาตรการภาษีศุลกากรล็อตใหม่ แต่สำทับว่า จีนหวังว่า อเมริกาจะกลับมาใช้แนวทางที่มีเหตุผล และย้ำว่า การตัดขาดจากกันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้
ทั้งนี้ สงครามการค้าของสองชาติมหาอำนาจได้สร้างความเสียหายต่อการเติบโตทั่วโลก รวมทั้งยังเพิ่มความกังวลในตลาดการเงินว่า เศรษฐกิจโลกกำลังมุ่งหน้าสู่ภาวะถดถอย โดยในวันจันทร์ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง เงินหยวนของจีนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปี
ขณะเดียวกัน สื่อแดนมังกรต่างโจมตีอเมริกา เริ่มจากบทบรรณาธิการของไชน่าเดลี่ หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีน ที่ระบุว่า การที่ทรัมป์ทำสงครามภาษีนั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง และวอชิงตันเลือกเพิ่มระดับการโจมตีเพราะหวังว่า ปักกิ่งจะยอมแพ้โดยเร็ว แต่จีนมองว่า สงครามการค้าเป็นแค่การประลองกำลังที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้และกลับจะทำให้จีนแข็งแกร่งกว่าเดิม
ด้านโกลบัลไทมส์ แท็บลอยด์ที่ตีพิมพ์โดย เหรินหมินรึเป้า (พีเพิลส์ เดลี่)ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประกาศว่า หากบริษัทอเมริกันถอนตัวจากจีนตามที่ทรัมป์ประกาศ ก็จะเท่ากับเป็นการฆ่าตัวตายของบริษัทเหล่านั้น โดยเฉพาะผู้ผลิตรถยนต์