รอยเตอร์ - เกาหลีเหนือยิงทดสอบขีปนาวุธพิสัยใกล้ 2 ลูกไปตกที่นอกชายฝั่งตะวันออกอีกครั้งในวันนี้ (24 ส.ค.) ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นเชื่อว่าอาวุธที่ถูกนำมายิงล่าสุดอาจเป็นขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missile) และได้ยื่นหนังสือประท้วงไปยังรัฐบาลโสมแดงแล้ว
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกมีลักษณะคล้ายคลึงกับจรวดที่เกาหลีเหนือนำมายิงทดสอบแบบถี่ยิบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา
“เราได้รับแจ้งว่ามีการยิงขีปนาวุธในเกาหลีเหนือ และกำลังเฝ้าติดตามสถานการณ์อยู่ โดยมีการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดกับหุ้นส่วนในเกาหลีใต้และญี่ปุ่น” เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุ
ทาเคชิ อิวายะ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ระบุว่า การซ้อมยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือถือว่าละเมิดคำสั่งห้ามของยูเอ็น และเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้ แต่ยืนยันว่าขีปนาวุธเหล่านั้นตกนอกเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น และยังไม่เป็นภัยคุกคามเฉพาะหน้าต่อความมั่นคงของแดนอาทิตย์อุทัย
คณะเสนาธิการทหารร่วมเกาหลีใต้ (JSC) ระบุว่า ขีปนาวุธทิ้งตัวพิสัยใกล้ 2 ลูกถูกยิงเมื่อเวลา 6.45 น. และ 7.02 น. ตามเวลามาตรฐานเกาหลี จากฐานยิงที่เมืองซอนด็อก (Sondok) ในจังหวัดฮัมกยองใต้ โดยเมืองแห่งนี้ยังเป็นที่ตั้งฐานทัพอากาศแห่งหนึ่งของเกาหลีเหนือด้วย
ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกพุ่งขึ้นไปถึงระดับความสูง 97 กิโลเมตร และเดินทางไปได้ไกลราว 380 กิโลเมตร ก่อนจะตกลงสู่ทะเล
หน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นได้แจ้งเตือนเรือสินค้าและเรือโดยสารต่างๆ ไม่ให้เข้าไปใกล้เศษชิ้นส่วนที่ตกลงมา
สำนักข่าวจิจิเพรสรายงานว่า โตเกียวเชื่อว่าสิ่งที่โสมแดงนำมายิงทดสอบวันนี้ (24) เป็นขีปนาวุธทิ้งตัว และได้ยื่นประท้วงอย่างรุนแรงไปยังรัฐบาลเปียงยางแล้ว
ปฏิบัติการทดสอบวันนี้ (24) นับเป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และผู้นำ คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือได้พบกันที่เขตปลอดทหารชายแดนเกาหลีเมื่อปลายเดือน มิ.ย. และทำให้การรื้อฟื้นกระบวนการเจรจาปลดอาวุธนิวเคลียร์ยุ่งยากซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีก
สตีเฟน บีกัน ทูตพิเศษฝ่ายกิจการเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนกรุงโซลในสัปดาห์นี้ เพื่อหารือแนวทางที่จะทำให้การเจรจาปลดนุกเดินหน้าต่อไปได้
“เราพร้อมที่จะเปิดหารืออีกครั้งเร็วๆ นี้ หากมีการตอบรับจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายเกาหลีเหนือ” บีกัน แถลงเมื่อวันพุธ (21)
อย่างไรก็ดี ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การจำลองซ้อมรบด้วยระบบคอมพิวเตอร์ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ตลอดจนเรื่องที่โสมขาวนำเข้าอาวุธยุทธภัณฑ์ไฮเทคอย่างฝูงบินขับไล่ F-35 และการยิงทดสอบขีปนาวุธร่อนพิสัยกลางของสหรัฐฯ โดยระบุว่าทั้งหมดนี้เป็น “ภัยคุกคาม” ที่ทำให้แผนเจรจาต้องล่าช้าออกไป
เมื่อวันศุกร์ (23) รี ยองโฮ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ ถึงขั้นออกมาเรียก ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ว่าเป็น “สารพิษที่ฆ่าไม่ตาย” (diehard toxin) และระบุว่าเปียงยาง “พร้อมทั้งสำหรับการเจรจาและการเผชิญหน้ากับสหรัฐฯ”
สภาความมั่นคงแห่งชาติเกาหลีใต้แสดงความวิตกกังวลอย่างยิ่งที่เกาหลีเหนือยังคงทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่การจำลองซ้อมรบระหว่างโซลและวอชิงตันก็ปิดฉากลงไปแล้ว และขอให้เกาหลีเหนือหยุดกระพือความตึงเครียดทางทหารบนคาบสมุทรเกาหลี