เอเอฟพี - มาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯยืนยันข่าวการเสียชีวิตของ ฮัมซา บิน ลาเดน บุตรชายและทายาทที่ได้รับมอบหมายของอุซามะฮ์ บิน ลาเดน ผู้ก่อตั้งกลุ่มผู้ล่วงลับ
"นั่นคือความเข้าใจของผม" เอสเปอร์ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์เมื่อช่วงค่ำวันพุธ(21ส.ค.)ตามเลาท้องถิ่น เมื่อถูกถามว่า ฮัมซา บิน ลาเดน เสียชีวิตแล้วใช่หรือไม่ "ผมไม่มีรายละเอียดในเรื่องนี้ และผมไม่มั่นใจว่าผมสามารถแบ่งปันข้อมูลให้คุณได้มากน้อยแค่ไหน" เขากล่าว
สื่อมวลชนสหรัฐฯรายงานเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกา ระบุว่า บิน ลาดิน ถูกสังหารในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในปฏิบัติการหนึ่งซึ่งสหรัฐฯมีส่วนร่วมด้วย
อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์และเจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆไม่ออกมายืนยันหรือปฏิเสธต่อสาธารณะ "ผมไมอยากแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้" ทรัมป์ตอบคำถามของพวกผู้สื่อข่าว
ฮัมซา เป็นบุตรคนที่ 15 ในบรรดาลูกทั้ง 20 คนจากภรรยาทั้งหมด 3 คนของอุซามะฮ์ บิน ลาเดน ขณะที่ในคำแถลงเมื่อครั้งตั้งรางวัลนำจับของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เชื่อว่าฮัมซา น่าจะมีอายุราวๆ 30 ปีและโผล่ขึ้นมาในฐานะแกนนำคนหนึ่งของเครือข่ายอัลกออิดะห์
ทั้งนี้ ฮัมซา ซึ่งบางครั้งได้รับฉายาว่า "เจ้าชายแห่งญิฮาด" เคยส่งสารเป็นคลิปเสียงรวมถึงวิดีโอเรียกร้องให้สมุนโจมตีสหรัฐฯและประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะเพื่อแก้แค้นให้บิดาที่ถูกกองกำลังสหรัฐฯสังหารในปากีสถานในเดือนพฤษภาคมปี 2011 กระทรวงการต่างประเทศอเมริการะบุ
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เขามีความสำคัญต่อการดึงดูดสหายรุ่นใหม่ๆเข้าร่วมเครือข่ายก่อการร้ายกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นผู้เบื้องหลังโศกนาฏกรรมโจมตีสหรัฐฯ 11 กันยายน 2001 คร่าชีวิตผู้คนเกือบ 3,000 ราย
การเสียชีวิตของบิดาในปี 2011 และการถือกำเนิดของกลุ่มรฐอิสลาม(ไอเอส) ที่หัวรุนแรงยิ่งกว่า ทำให้อัลกออิดะห์สูญเสียกระแสในบรรดาญิฮาดรุ่นใหม่ๆ แต่ทางกลุ่มดูเหมือนกำลังวางแผนฟื้นคืนชีพอย่างลับๆภายใต้การนำของผู้นำคนปัจจุบัน อัยมาน อัล-ซอวาฮิรี