เอเจนซีส์ - ตำรวจอินเดียและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธ 1 รายเสียชีวิตในเหตุยิงปะทะซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากรัฐบาลเดลีประกาศเพิกถอนสิทธิ์ปกครองตนเองของแคชเมียร์ ขณะที่ปากีสถานเตรียมนำข้อพิพาทดินแดนแคชเมียร์ยื่นฟ้องต่อศาลโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ตำรวจอินเดีย 2 นายได้รับบาดเจ็บจากการยิงปะทะซึ่งเกิดขึ้นวันนี้ (21 ส.ค.) ที่เขตบารามุลลา (Baramulla) ทางตอนเหนือของแคชเมียร์ และหนึ่งในนั้นไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล
กลุ่มติดอาวุธซึ่งต่อต้านการปกครองของอินเดียประกาศจะจับอาวุธขึ้นสู้ หลังนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ยกเลิกข้อจำกัดว่าด้วยการซื้ออสังหาริมทรัพย์และตำแหน่งงานราชการในแคชเมียร์ ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้คนภายนอกเข้าไปตั้งถิ่นฐานในรัฐแห่งนี้มากขึ้น
อินเดียส่งกองกำลังกึ่งทหารนับหมื่นนายเข้าไปยังแคชเมียร์เพื่อป้องกันเหตุจลาจลและการก่อความไม่สงบ โดยเมื่อคืนวันอังคาร (20) ได้มีการบุกตรวจค้นย่านเมืองเก่าของบารามุลลา จนเกิดการปะทะกับกลุ่มติดอาวุธ
อินเดียและปากีสถานต่างก็เป็นรัฐนิวเคลียร์ด้วยกันทั้งคู่ และข้อพิพาทดินแดนแคชเมียร์ซึ่งถูกแบ่งแยกเป็น 2 ฝั่งตั้งแต่ปี 1947 ก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้น เมื่อจีนพยายามอ้างกรรมสิทธิ์เหนือพื้นที่บางส่วนในแคว้นหิมาลัยแห่งนี้ด้วย
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (20) ว่าจะหยิบยกข้อพิพาทแคชเมียร์ขึ้นหารือกับผู้นำอินเดีย ระหว่างการประชุมซัมมิตกลุ่ม G7 ที่ฝรั่งเศสในช่วงสุดสัปดาห์
“แคชเมียร์เป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความยุ่งยากซับซ้อน มีทั้งชาวฮินดูและชาวมุสลิมอาศัยอยู่ และผมไม่คิดว่าพวกเขาเข้ากันได้ดีนัก” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์สื่อที่ทำเนียบขาว
“ผมจะพยายามช่วยไกล่เกลี่ยเรื่องนี้อย่างเต็มที่”
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า จนถึงขณะนี้มีชาวแคชเมียร์ถูกจับแล้วไม่ต่ำกว่า 4,500 คน ตั้งแต่รัฐบาลอินเดียเริ่มตัดการสื่อสารและบังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวในพื้นที่เมื่อต้นเดือน ส.ค.
ปากีสถานประกาศวานนี้ (20) ว่าจะนำความขัดแย้งประเด็นแคชเมียร์เข้าสู่การพิจารณาโดยศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) หลังจาก โมดี เพิกถอนสิทธิ์ปกครองตนเองของแคชเมียร์ในฝั่งแดนภารตะเมื่อวันที่ 5 ส.ค.
อิสลามาบัดตอบโต้การกระทำของนิวเดลีอย่างแข็งกร้าว โดยระงับการค้าสองฝ่าย ตัดขาดเส้นทางรถไฟไปอินเดีย และยังขับไล่เอกอัครราชทูตอินเดียกลับประเทศ
“เราตัดสินใจที่จะนำปัญหาแคชเมียร์ยื่นฟ้องต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ” ชาห์ เมห์มูด กุเรชี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศปากีสถาน ให้สัมภาษณ์กับ ARY News TV เมื่อวานนี้ (20) “การตัดสินใจครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่เราได้พิจารณาข้อกฎหมายต่างๆ แล้ว”
ทั้งนี้ ปากีสถานเตรียมจะกล่าวโทษอินเดียว่าละเมิดสิทธิมนุษยชนของชาวแคชเมียร์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นมุสลิม
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศอินเดียปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในประเด็นนี้ ขณะที่เจ้าหน้าที่อาวุโสของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยอมรับว่าเป็นสิทธิ์ของปากีสถานที่จะตัดสินใจฟ้องศาลโลกหรือไม่ แต่ในมุมของสหรัฐฯ มองว่า “การดึงหลายฝ่ายเข้ามาเกี่ยวข้องไม่ใช่ทางออกที่ดีสำหรับปัญหาแคชเมียร์ แต่ควรใช้วิธีเปิดเจรจาโดยตรงระหว่างอินเดียกับปากีสถานมากกว่า”
อินเดียปฏิเสธแนวคิดในการดึงต่างชาติเข้ามาเป็นมือที่สาม และย้ำว่านายกฯ โมดี ไม่เคยร้องขอให้ผู้นำสหรัฐฯ รับบทคนกลางอย่างที่ ทรัมป์ กล่าวอ้าง
รัฐบาลภารตะยังแสดงความไม่พอใจที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเปิดการหารือฉุกเฉินกรณีแคชเมียร์เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 50 ปี โดยเอกอัครราชทูตอินเดียประจำยูเอ็นถึงกับประกาศว่า “เราไม่ต้องการให้องค์กรระหว่างประเทศที่ช่างสอดรู้สอดเห็นมาสอนเราว่าจะต้องใช้ชีวิตอย่างไร”
