เอเอฟพี - ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศชะลอแผนพบปะหารือกับนายกรัฐมนตรีแห่งเดนมาร์ก หลังจากอีกฝ่ายไม่มีท่าทีว่าจะยอมขายเกาะกรีนแลนด์ให้สหรัฐฯ
การพับแผนเยือนเดนมาร์กสะท้อนให้เห็นว่า ทรัมป์ สนใจเกาะกรีนแลนด์มากแค่ไหน โดยก่อนหน้านี้ไอเดียดังกล่าวถูกมองว่าเป็นแค่เรื่องล้อเล่น
ทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐฯ จริงจังกับเรื่องนี้ เนื่องจากที่ตั้งเกาะซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ
“จากที่นายกรัฐมนตรี เมตเต เฟรเดอริกเซน ได้กล่าวว่าเธอไม่มีความสนใจที่จะพูดคุยเรื่องการขายเกาะกรีนแลนด์ ผมจึงตัดสินใจเลื่อนการหารือซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าออกไปก่อน” ทรัมป์ ทวีตข้อความวานนี้ (20 ส.ค.)
“ความตรงไปตรงมาของท่านนายกรัฐมนตรีช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และความพยายามของทั้งฝ่ายสหรัฐฯ และเดนมาร์กลงไปได้มาก ผมต้องขอบคุณท่านด้วย และหวังว่าจะได้นัดพบกันอีกครั้งในอนาคต!”
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์เนิลเป็นสื่อเจ้าแรกที่ออกมาเปิดเผยว่า ทรัมป์ สนใจเกาะที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งและมีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองของเดนมาร์ก และถึงขั้นเคยถามที่ปรึกษาว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ที่สหรัฐฯ จะขอซื้อเกาะแห่งนี้
ทรัมป์ ยืนยันเมื่อวันอาทิตย์ (18) ว่าตนสนใจที่จะซื้อเกาะกรีนแลนด์จริง
“มันเป็นแค่สิ่งที่เราพูดคุยกันเท่านั้น” ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ “มีการยกประเด็นนี้ขึ้นมาคุย และผมก็พูดว่าแน่นอน ในทางยุทธศาสตร์มันน่าสนใจและเราก็มีความสนใจ แต่เราต้องพูดคุยกับทางเดนมาร์กนิดหน่อย”
อย่างไรก็ดี ผู้นำสหรัฐฯ ย้ำว่าเรื่องนี้ “ไม่ใช่เป้าหมายอันดับหนึ่ง” ของรัฐบาล และเมื่อสื่อถามว่าคิดจะขายดินแดนของสหรัฐฯ เพื่อแลกกับกรีนแลนด์หรือไม่ ทรัมป์ ก็ตอบแบบกว้างๆ ว่า “มีหลายอย่างที่อาจจะทำได้... อันที่จริงแล้วมันก็คือข้อตกลงอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่”
เกาะซึ่งมีพื้นที่ราว 2 ล้านตารางกิโลเมตรแห่งนี้ตกเป็นอาณานิคมของเดนมาร์กตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 18 ปัจจุบันมีประชากรอาศัยอยู่ราว 57,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองอินูอิต
กระทรวงการต่างประเทศของกรีนแลนด์ยืนยันเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (16) ว่าเกาะแห่งนี้พร้อมที่จะพูดคุยเรื่องธุรกิจ แต่ไม่ยินดีขายเกาะให้ใคร
“เกาะกรีนแลนด์เต็มไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่ล้ำค่า เช่น แร่ธาตุต่างๆ, น้ำและน้ำแข็งที่ใสบริสุทธิ์, ฝูงปลา, อาหารทะเล, พลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ และยังเป็นพรมแดนใหม่สำหรับผู้ที่รักการท่องเที่ยวแบบผจญภัย” กระทรวงการต่างประเทศกรีนแลนด์ระบุในทวิตเตอร์
“เราเปิดกว้างสำหรับการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่การขายเกาะ”