xs
xsm
sm
md
lg

จีนวางแผนพัฒนาให้เมือง'เซินเจิ้น' กลายเป็น'สถานที่ซึ่งดียิ่งกว่า'ฮ่องกง'

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สถาพทิวทัศน์ของเมืองเซินเจิ้น ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีน โดยอยู่ประชิดติดกับเขตแดนของฮ่องกง  รัฐบาลจีนเพิ่งเปิดเผยแผนการที่จะเร่งรัดพัฒนาเซินเจิ้น ทำให้นครแห่งนี้กลายเป็น “สถานที่ดียิ่งกว่า” ฮ่องกง (ภาพถ่ายเมื่อ 16 ส.ค. 2019)
เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอเจนซีส์ - รัฐบาลจีนเปิดเผยแผนการที่จะสนับสนุนการพัฒนาเมืองเซินเจิ้นบนแผ่นดินใหญ่ และทำให้กลายเป็นนครซึ่งสื่อทางการแดนมังกรระบุว่า เป็น “สถานที่ดียิ่งกว่า” ฮ่องกงซึ่งอยู่ประชิดติดกัน รวมทั้งมีการบูรณาการทางวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจกับฮ่องกงและมาเก๊า ทั้งนี้ภายหลังฮ่องกง ศูนย์กลางการเงินแห่งสำคัญของโลก ที่มีฐานะเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน เกิดการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยไม่หยุดหย่อน รวมทั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

การชุมนุม, การเดินขบวน, และการบุกเข้ายึดพื้นที่สำคัญต่างๆ รวมทั้งท่าอากาศยานนานาชาติ ของพวกผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งดำเนินต่อเนื่องมากว่า 2 เดือนแล้ว ได้ผลักไสฮ่องกงตกลงสู่ภาวะวิกฤต และดูเหมือนปักกิ่งเวลานี้กำลังเล็งเห็นว่า นี่คือโอกาสสำหรับการเร่งรัดส่งเสริมการพัฒนาของเซินเจิ้น

ในวันจันทร์ (19 ส.ค.) สื่อทางการของจีนได้เสนอภาพคร่าวๆ ของเอกสารคำชี้แนะ 19 ข้อ ของคณะรัฐมนตรีจีนในกรุงปักกิ่ง ที่มีจุดมุ่งหมายเพื่อเปลี่ยนเซินเจิ้นให้กลายเป็นพื้นที่นำรองของ “ระบอบสังคมนิยมที่มีลักษณะเฉพาะแบบจีน”

เอกสารนโยบายดังกล่าวไม่ได้ให้รายะละเอียดเจาะจงมากนัก แต่ได้พูดถึงถึงเป้าหมายต่างๆ ที่จะทำให้สำเร็จ เป็นต้นว่า การเปลี่ยนสภาพ “ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจและคุณภาพการพัฒนา” ของเซินเจิ้น ให้กลายเป็นหนึ่งในระดับดีที่สุดของโลกภายในปี 2025 และกลายเป็นหนึ่งในหลักหมายระดับโลก (global benchmark) ภายในกลางศตวรรษนี้

นอกจากนั้น เอกสารชุดนี้ยังพูดสรุปถึงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้เซินเจิ้น มีการบูรณาการรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฮ่องกงและมาเก๊าให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

เอกสารระบุว่า ภายในปี 2035 เซินเจิ้น ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลกวางตุ้ง ทางภาคใต้ของจีนแห่งนี้ จะเป็น “ผู้นำโลก” ในด้านความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจโดยองค์รวม

ขณะที่สำหรับฮ่องกงนั้น โกลบอลไทมส์ สื่อมวลชนแนวชาตินิยมที่อยู่ในเครือของ “เหรินหมินรึเป้า” (พีเพิลส์ เดลี่) หนังสือพิมพ์ที่เป็นปากเสียงอย่างเป็นทางการของพรรคคอมมิวนิสต์จีน บอกเป็นนัยๆ โดยอ้างความเห็นของพวกผู้เชี่ยวชาญว่า มีความเสี่ยงที่จะถูกทอดทิ้งเอาไว้ข้างหลัง

“หากฮ่องกงยังคงไม่พร้อมที่จะต้อนรับโอกาสแห่งการเข้าร่วมกับการพัฒนาของประเทศชาติ … การพัฒนาของนครแห่งนี้ก็จะ “มีข้อจำกัดอย่างมากในอนาคต ขณะที่เซินเจิ้นกำลังรุดหน้าไปด้วยอัตราความเร็วที่สูงกว่ากันมาก” โกลบอลไทมส์ อ้างความคิดเห็นของ เถียน เฟ่ยหลง อาจารย์ผู้หนึ่งของมหาวิทยาลัยเป่ยหัง

ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายใน (จีดีพี) หรือก็คือขนาดเศรษฐกิจของเซินเจิ้นนั้น ยังคงตามหลังจีดีพีของฮ่องกง เมื่อปี 2018 ทั้งนี้ตามการคำนวณโดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ณ ตอนสิ้นปี ทว่าเซินเจิ้นมีอัตราเติบโตขยายตัวที่รวดเร็วเท่ากับปีละ 7.6% ทำให้ขนาดของจีดีพีมาอยู่ที่ 2.4 ล้านล้านหยวน (352,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจของฮ่องกงแม้มีมูลค่าเท่ากับ 2.8 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง (363,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) ในปี 2018 แต่มีอัตราเติบโตขยายตัวที่เชื่องช้ากว่ากันมาก นั่นคือแค่ 3%
ตู้คอนเทนเนอร์ ณ ท่าเรือหยานเตี้ยนในเมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน
เซินเจิ้น ซึ่งเคยเป็นแค่พื้นที่หมู่บ้านชาวประมงในจีนแผ่นดินใหญ่ที่เงียบเหงา ตั้งประชิดติดกับเขตแดนของฮ่องกง มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วยิ่ง ตั้งแต่ที่จีนเปิดประตูประเทศดำเนินการปฏิรูปเศรษฐกิจเมื่อ 40 ปีที่แล้ว และก่อตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้นมาหลายแห่ง หนึ่งในนั้นคือเซินเจิ้นนี่เอง

นครแห่งนี้ก้าวผ่านจากการเป็นเขตโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อใช้แรงงานจีนที่ในตอนนั้นมีราคาถูกแสนถูก จนก้าวขึ้นเป็นฮับอุตสาหกรรมไฮเทคแห่งสำคัญแห่งหนึ่งของจีน โดยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของยักษ์ใหญ่เทคแดนมังกรหลายแห่ง เป็นต้นว่า หัวเว่ย, เทนเซนต์ อีกทั้งกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งแห่งการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงพลิกผันประเทศจีนอย่างรวดเร็วน่าตื่นใจ

ตามเอกสารคำชี้แนะที่เผยแพร่ในคราวนี้ ปักกิ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะนำเอา เซินเจิ้น, ฮ่องกง, และมาเก๊า เข้ามาร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นอีก โดยระบุว่านี่เป็นการ “เพิ่มความอุดมสมบูรณ์” ให้แก่การปฏิบัติตามหลักการหนึ่งประเทศ สองระบบ และเป็น “การส่งเสริมเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องในเรื่องความสำนึกเกี่ยวกับอัตลักษณ์และการยึดเกาะเกี่ยวกันของพี่น้องร่วมชาติในฮ่องกงและมาเก๊า” ผ่านกิจกรรมทางวัฒนธรรมข้ามพรมแดนต่างๆ

เอกสารคำชี้แนะเรียกร้องให้เซินเจิ้นดำเนิน “การปรับปรุงธรรมาภิบาลด้านสังคมให้ทันสมัย” โดยผ่าน “การนำเอา บิ๊กดาต้า, คลาวด์คอมพิวติ้ง, ปัญญาประดิษฐ์, และเทคโนโลยีอื่นๆ มาประยุกต์ใช้อย่างครอบคลุมรอบด้าน”

นอกจากนั้นยังเรียกร้องให้เซินเจิ้นมีการบูรณาการทางวัฒนธรรมและทางเศรษฐกิจกับฮ่องกงและมาเก๊า โดยผ่านการให้เงินทุนสำหรับโรงพยาบาลต่างๆ , ความร่วมมือเพื่อบรรเทาภัยพิบัติร่วมกัน, และการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม

ในเอกสารคำชี้แนะนี้บอกด้วยว่า บุคคลที่มาจากฮ่องกงและมาเก๊า และทำงานและใช้ชีวิตอยู่ในเซินเจิ้น จะได้รับการปฏิบัติในฐานะเป็นผู้พำนักอาศัย ขณะที่ระบุถึงการสนับสนุนให้ก่อตั้งระบบเข้าออกพรมแดน “ที่เปิดกว้างและสะดวกยิ่งขึ้น” รวมทั้งจะอนุญาตให้ชาวต่างประเทศที่เป็นผู้พำนักอาศัยถาวร สามารถเปิดวิสาหกิจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

เซินเจิ้น มีฐานะเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งในนโยบายการพัฒนาพื้นที่ “เกรตเทอร์ เบย์ แอเรีย” ของปักกิ่งอยู่แล้ว โดยนโยบายดังกล่าวเป็นแผนการที่จะบูรณาการฮ่องกง, มาเก๊า, และนครใหญ่ๆ ของมณฑลกว้างตุ้ง ซึ่งในจำนวนนี้มีเซินเจิ้นรวมอยู่แล้ว

อย่างไรก็ดี พวกผู้เชี่ยวชาญฝ่ายตะวันตกแสดงความสงสัยข้องใจว่า การบูรณาการเหล่านี้ไม่น่าจะกระทำได้อย่างง่ายดาย

“เนื่องจากวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่กำลังดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่อง จีนจึงกำลังเพิ่มการตรวจตราพรมแดนระหว่างเซินเจิ้นกับฮ่องกง และนี่ย่อมเป็นการบ่อนทำลายความมุ่งหมายที่จะทำการบูรณาการอันมโหฬารนี้” เบน แบลนด์ ผู้อำนวยการโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ณ โลววีย์ อินสติติว สถาบันคลังความคิดด้านนโยบายการต่างประเทศ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย แสดงความเห็น
กำลังโหลดความคิดเห็น