เอเอฟพี – ออสเตรเลียเป็นผู้ส่งออกไอเสียรายใหญ่อันดับสามของโลก ด้วยการส่งออกคาร์บอนไดออกไซด์กว่าหนึ่งพันล้านตันต่อปีในรูปแบบของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว งานวิจัยของกลุ่มคลังสมอง เผยวันนี้ (19)
สถาบันเอียงซ้าย Australian Institute รายงานว่า อันดับการส่งออกพลังงานของออสเตรเลียตามหลังแค่ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่อย่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบียในแง่ของไอเสียที่อาจจะเกิดขึ้น
“ออสเตรเลียครองสัดส่วนในการค้าถ่านหินทั่วโลก 29 เปอร์เซ็นต์” รายงานชิ้นนี้ที่อ้างอิงจากข้อมูลขององค์การพลังงานระหว่างประเทศ (ไออีเอ) ระบุ และเรียกร้องการหันมาให้ความสำคัญกับผู้ส่งออกพลังงานที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากขึ้น
“สนธิสัญญาต่างๆ และข้อถกเถียงในตอนนี้ให้ความสำคัญกับอุปสงค์คาร์บอน มากกว่าอุปทาน” ทอม สวอนน์ ผู้จัดทำ เขียน
“นั่นละเลยข้อเท็จจริงที่ว่าอุปทานและโครงสร้างพื้นฐานด้านอุปทานที่มากขึ้นจะทำให้การปล่อยไอเสียเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้”
การถกเถียงเกี่ยวกับการผลิตถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลวในออสเตรเลียมีความโน้มเอียงไปในทางเดียว เนื่องจากผู้อยู่อาศัยมักเลือกการสร้างงานมากกว่าความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ว่าในหลายภูมิภาคจะแห้งแล้งและน้ำท่วมก็ตาม
รัฐบาลอนุรักษนิยมไม่ค่อยให้ความสำคัญกับความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศเพื่อให้อุตสาหกรรมที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้
เมื่อไม่นานมานี้ ทางการในรัฐควีนส์แลนด์อนุมัติการก่อสร้างเหมืองถ่านหินนขนาดใหญ่ที่อาจเปิดให้มีการเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากแอ่งขนาดใหญ่แห่งใหม่ สิ่งที่ขุดได้เกือบทั้งหมดจะถูกส่งออกไปยังอินเดียและใช้ผลิตไฟฟ้าให้กับบังกลาเทศด้วย
นักวิจารณ์โต้แย้งว่า การผลิตถ่านหินอย่างต่อเนื่องของออสเตรเลียเพียงค้ำจุนอุปสงค์เดิมเท่านั้น กลุ่มผู้สนับสนุน ระบุว่า ความแพร่หลายของโรงฟ้าถ่านหินหมายความว่า ผู้บริโภคจะยังคงพึ่งพาถ่านหินต่อไปโดยไม่สนใจอะไร
การปฏิเสธลดการส่งออกถ่านหินของออสเตรเลียทำให้เกิดความบาดหมางกับเพื่อนบ้านเกาะแปซิฟิลุ่มต่ำที่ประเทศของพวกเขาถูกคุกคามด้วยระดับน้ำทะเลที่เพิ่มขึ้น