เอเอฟพี/มาร์เกตวอตช์ - วอลล์สตรีทต้องเผชิญวันแห่งความย่ำแย่ในวันพุธ (14 ส.ค.) ดาวโจนส์ร่วง 800 จุด ส่วนทองคำพุ่งแรง ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจกำลังเลวร้าย หลังพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดภาวะ inverted yield curve (ภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นอยู่สูงกว่าพันธบัตรระยะยาว) ส่งสัญญาณว่าภาวะถดถอยรออยู่เบื้องหน้า ขณะที่น้ำมันปรับลดอย่างหนักเช่นกัน
ดาวโจนส์ ลดลง 800.49 จุด (3.05 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 25,479.42 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 85.72 จุด (2.93 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,840.60 จุด แนสแดค ลดลง 242.42 จุด (3.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 7,773.94 จุด
แรงเทขายเกิดขึ้นไม่นาน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปี ดีดตัวเหนืออัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรากฏการณ์ซึ่งเป็นเค้ารางที่น่าเชื่อถือของภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งที่ผ่านๆ มา
ภาวะ inverted yield curve ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เกิดขึ้นท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจอันย่ำแย่มากมายจากต่างแดน ในนั้นรวมถึงผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่อ่อนแอสุดในรอบ 17 ปี และข้อมูลจากเยอรมนี ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจหดตัวในช่วงไตรมาส 2
ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอจากต่างแดน ประกอบกับภาวะ inverted yield curve ของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ กระตุ้นให้นักลงทุนแห่ถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ และดันราคาทองคำในวันพุธ(14ส.ค.) ปิดสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2013 โดยราคาทองคำสัญญาโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 13.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,527.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านราคาน้ำมันในวันพุธ (14 ส.ค.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 5 วัน หลังข้อมูลรัฐบาลสหรัฐฯ เผยให้เห็นว่าคลังปิโตรเลียมของประเทศเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ในขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยก็กระพือความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ทางพลังงานเช่นกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกันยายน ลดลง 1.87 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.23 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนต์ลอนดอน งวดส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 1.82 ดอลลาร์ ปิดที่ 59.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ เผยแพร่รายงานในวันพุธ (14 ส.ค.) ระบุว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 9 สิงหาคม เพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรล ถือเป็นการเพิ่มขึ้น 2 สัปดาห์ติดต่อกัน ขณะที่พวกนักวิเคราะห์จากผลสำรวจความคิดเห็นของเอสแอนด์พี โกลบอล แพลตส์ คาดหมายโดยเฉลี่ยว่าสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐฯ น่าจะลดลงราว 2.7 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ พบว่าสต๊อกเบนซิน ลดลง 1.4 ล้านบาร์เรล ส่วนสต๊อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล