เอเจนซีส์ – เจฟฟรีย์ เอปสไตน์ มหาเศรษฐีอเมริกัน ผูกคอตายคาเรือนจำระหว่างรอการพิจารณาคดีซื้อบริการทางเพศเด็ก ท่ามกลางความตกใจและความเคลือบแคลงสงสัยอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า เหตุใดเรือนจำทีขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวด จึงปล่อยให้ผู้ต้องขังที่มีชื่อเสียงระดับนี้ปลิดชีพตัวเองหนีความผิดได้ ทั้งที่เมื่อปลายเดือนที่แล้วเอปสไตน์เคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่ง ล่าสุดเอฟบีไอเปิดการสอบสวนกรณีนี้แล้ว ขณะที่ทรัมป์กล่าวหาลอยๆ คลินตันอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนักการเงินคนดังผู้นี้
กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า เอปสไตน์ที่มีเพื่อนระดับนักการเมืองและคนดังมากมาย ถูกพบในห้องขังในสภาพที่ไม่มีการตอบสนอง เมื่อเวลาราว 6.30 น. เมื่อวันเสาร์ (10 ส.ค.) ที่เรือนจำเมโทรโพลิแทนในนิวยอร์ก ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเรือนจำที่มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดที่สุดในอเมริกา และได้รับการยืนยันว่า เสียชีวิตที่โรงพยาบาลโดยเห็นได้ชัดว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
บิลล์ บาร์ รัฐมนตรียุติธรรม กล่าวว่า ตกใจมากและสั่งให้ผู้ตรวจการอัยการสอบสวนเรื่องนี้แล้ว ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) เปิดการสอบสวนกรณีนี้แล้วเช่นกัน
หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ ระบุว่า เอปสไตน์ผูกคอตาย แต่สำนักงานแพทย์สืบสวนของแมนฮัตตันยังไม่ยืนยันสาเหตุการเสียชีวิตของนักการเงินระดับมหาเศรษฐี ที่ถูกกล่าวหาสมคบคิดและซื้อบริการทางเพศเด็ก
นิวยอร์ก ไทม์ ระบุว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม เอปสไตน์ ในวัย 66 ปี เคยถูกพบนอนหมดสติอยู่ในห้องขังโดยมีรอยบางอย่างที่คอ ทำให้เขากลายเป็นนักโทษที่ต้องเฝ้าติดตามเนื่องจากมีความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ก่อนถูกส่งกลับไปยังห้องขังของตัวเองในส่วนที่ถือว่า มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก
การเสียชีวิตของเอปสไตน์เกิดขึ้นหนึ่งวันหลังจากศาลนิวยอร์กเผยแพร่เอกสารปิดผนึกที่ให้รายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งที่อัยการกล่าวหาว่าเป็นการซื้อประเวณีเด็กของเอปสไตน์
เศรษฐีพันล้านที่มีเพื่อนระดับผู้นำสหรัฐฯ อย่างโดนัลด์ ทรัมป์ และบิลล์ คลินตัน รวมถึงเจ้าชายแอนดรูว์ของอังกฤษ ปรากฏตัวในศาลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้พิพากษาระบุว่า จะไม่มีการเริ่มพิจารณาคดีก่อนเดือนมิถุนายนปีหน้า
ผู้จัดการกองทุนผู้นี้ถูกจับกุมที่สนามบินเมื่อวันที่ 6 เดือนที่แล้ว และถูกตั้งข้อหาซื้อบริการทางเพศจากผู้เยาว์ 6 คน และสมรู้ร่วมคิดส่งเสริมให้เกิดการค้าประเวณีเด็ก ซึ่งหากถูกตัดสินว่าผิดจริงอาจถูกตัดสินจำคุก 45 ปี หรือตลอดชีวิตที่เหลืออยู่
ทั้งนี้ เอกสารความยาว 2,000 หน้าที่ศาลเผยแพร่ออกมาเมื่อวันศุกร์ (9 ส.ค.) มีสาระสำคัญที่คำให้การของ เวอร์จิเนีย กูฟเฟร หญิงสาวที่อ้างว่าเคยเป็นทาสความใคร่ของเอปสไตน์ เธอบอกว่าเคยถูกหนึ่งในผู้ช่วยของเอปสไตน์บังคับให้มีเพศสัมพันธ์กับนักการเมืองคนดังและนักธุรกิจหลายคน
อัยการระบุว่า เอปสไตน์แสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กหญิง ซึ่งบางคนอายุแค่ 14 ปีเท่านั้น ในบ้านพักที่แมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก และปาล์มบีช รัฐฟลอริดา ระหว่างปี 2002-2005 เหยื่อหลายคนให้การตรงกันว่า เอปสไตน์รู้ดีว่าพวกเธอเป็นผู้เยาว์
เด็กสาวหลายคนได้ค่าจ้างเป็นเงินสดหลักร้อยดอลลาร์แลกกับการนวดและหลับนอนกับเอปสไตน์ รวมทั้งการหาเด็กหญิงคนอื่นๆ มาให้ผู้ต้องหารายนี้ เอปสไตน์ยังถูกกล่าวหาว่า จ่ายเงินให้ผู้ที่อาจเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดเพื่อโน้มน้าวเด็กหญิงให้ยอมหลับนอนกับตนเอง
ในทศวรรษที่แล้ว เขาเคยได้รับการพิสูจน์ว่า มีความผิดในการจ่ายเงินจ้างเด็กหญิงให้นวดและหลับนอนด้วยที่แมนชันในปาล์มบีช แต่กลับรอดพ้นการดำเนินคดีมาได้จากข้อตกลงลับที่ อเล็กซ์ อาคอสตา ซึ่งขณะนั้นเป็นอัยการในฟลอริดา ดำเนินการต่อรองได้ โดยเอปสไตน์ยอมรับผิดข้อหาเดียวคือซื้อบริการทางเพศจากผู้เยาว์ และถูกขึ้นทะเบียนเป็นผู้กระทำความผิดทางเพศ เขาถูกจำคุก 13 เดือน ก่อนได้รับการปล่อยตัว ส่วนอาคอสตาลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีแรงงานเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อถูกตรวจสอบภายหลังเอปสไตน์ถูกจับกุมในคดีล่าสุดที่นิวยอร์กเมื่อเดือนที่แล้ว
บรรดาเพื่อนฝูงที่เป็นคนมีชื่อเสียงของเอปสไตน์ต่างยืนยันว่า ไม่รู้ไม่เห็นเกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายของมหาเศรษฐีผู้นี้
เมื่อวันเสาร์ ทรัมป์ทวิตเกี่ยวกับทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดโดยกล่าวหาลอยๆ ว่าคลินตันอาจมีส่วนกับการตายของเอปสไตน์ ขณะเดียวกัน เจฟฟรีย์ เบอร์แมน อัยการในแมนฮัตตัน แถลงว่า แม้เอปสไตน์เสียชีวิตแล้ว แต่จะมีการสอบสวนคดีนี้ต่อไป รวมถึงประเด็นการสมรู้ร่วมคิดค้าประเวณีเด็ก