เอเอฟพี – ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุวานนี้ (9 ส.ค.) ว่ายัง “ไม่พร้อม” ที่จะทำข้อตกลงยุติสงครามการค้ากับจีน ขณะที่กำหนดการเจรจารอบใหม่ในเดือน ก.ย. ก็อาจถูกยกเลิก
“เดี๋ยวรอดูว่าเราจะยังนัดประชุมกันในเดือน ก.ย. อยู่หรือไม่” ผู้นำสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบขาว ก่อนจะออกไปร่วมงานระดมทุนที่นิวยอร์กและพักผ่อนที่สนามกอล์ฟส่วนตัวในรัฐนิวเจอร์ซีย์
ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ทวีความตึงเครียดขึ้น หลังจากที่ ทรัมป์ สั่งรีดภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจีนอีกระลอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งที่ได้ตกลงพักรบกับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ไว้เมื่อเดือน พ.ค.
รัฐบาลจีนตอบโต้โดยการสั่งระงับนำเข้าสินค้าเกษตรสหรัฐฯ ทุกชนิด
จากนั้นไม่นาน กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก็ประกาศตราหน้าจีนเป็นชาติที่ปั่นค่าเงิน (currency manipulator) หลังปล่อยเงินหยวนอ่อนค่าแตะสถิติต่ำสุดในรอบ 11 ปี ก่อนที่มาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผลบังคับในวันที่ 1 ก.ย.
“เรายังไม่พร้อมที่จะทำข้อตกลง แต่เดี๋ยวรอดูกันว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ทรัมป์ กล่าว “เรามีการ์ดทุกใบอยู่ในมือ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี”
คณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ และจีนได้พบปะหารือที่นครเซี่ยงไฮ้เมื่อปลายเดือน ก.ค. ซึ่งถือเป็นการคุยกันครั้งแรกนับตั้งแต่การเจรจาได้หยุดชะงักไปในเดือน พ.ค. โดยทั้ง 2 ฝ่ายมีกำหนดจะหารือกันอีกรอบในเดือน ก.ย. นี้
ทรัมป์ ยังประกาศกร้าวว่าสหรัฐฯ จะไม่ทำธุรกิจกับ ‘หัวเว่ย’ ยักษ์ใหญ่โทรคมจีน ทั้งที่เคยสัญญาไว้ว่าจะเปิดทางให้บริษัทอเมริกันขออนุญาตส่งออกชิ้นส่วนบางประเภทแก่หัวเว่ยที่ไม่กระทบความมั่นคง
เวลานี้สหรัฐฯ และจีนได้รีดภาษีตอบโต้สินค้าของกันและกันเป็นมูลค่าราว 360,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากคำสั่งล่าสุดของ ทรัมป์ เริ่มมีผลบังคับก็จะทำให้บทลงโทษครอบคลุมสินค้าจีนทั้งหมดที่ส่งเข้าไปขายในอเมริกา
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แถลงเตือนวานนี้ (9) ว่าข้อพิพาทการค้ากับสหรัฐฯ ทำให้เศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัว และหากวอชิงตันใช้มาตรการรีดภาษีรุนแรงยิ่งไปกว่านี้อาจจะทำให้ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
IMF ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจจีนปีนี้ว่าจะเติบโตเพียง 6.2% โดยตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบจากคำสั่งรีดภาษีระลอกใหม่ของสหรัฐฯ